วิเคราะห์หุ้นกู้ IRPC รุ่นที่ 1/2568 ชุดที่ 6: ความเสี่ยง ผลตอบแทน และควรลงทุนหรือไม่?
4/14/2025
วิเคราะห์หุ้นกู้ IRPC รุ่นที่ 1/2568 ชุดที่ 6: ความเสี่ยง ผลตอบแทน และควรลงทุนหรือไม่?


เนื้อหาในบทความนี้ (คลิกเพื่ออ่านพาร์ทที่สนใจได้เลย!!)
ข้อมูลพื้นฐานของหุ้นกู้ IRPC ชุด 6 ปี 2568
ข้อมูลพื้นฐานจาก Factsheet
อายุตราสาร : 5 ปี
อัตราดอกเบี้ยคงที่ : 3.95%
งวดการชำระดอกเบี้ย : ทุก 6 เดือน
การไถ่ถอนก่อนกำหนด : ไม่มี
มูลค่าเสนอขายรวม : ไม่เกิน 1,000 ล้านบาท
หลักประกัน/ผู้ค้ำประกัน : ไม่มี
ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ : ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด มหาชน
วัตถุประสงค์การใช้เงิน : นำไปชำระหนี้เงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น
อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้
อันดับ : A-
แนวโน้ม : “คงที่”
จัดอันดับ : 3 ก.พ 2568 โดย บจก.ทริสเรทติ้ง
รายละเอียดอื่น
วันออกหุ้นกู้ : 25 มีนาคม 2568
วันครบกำหนดไถ่ถอน : 25 มกราคม 2573
ประเภทการเสนอขาย : ประชาชนทั่วไป
ผู้จัดจำหน่าย :ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
คำนวณดอกเบี้ยหุ้นกู้ IRPC รุ่น 1/2568 ชุดที่ 6
ความเสี่ยง
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ความเสี่ยงจากการความผันผวนของราคา (Price Volatility Risk)
ความเสี่ยงทางด้านราคาน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมีความผันผวนสูง เนื่องมาจาก นโยบายของสหรัฐฯอเมริกาที่กีดกันทางการค้าระหว่างประเทศมากขึ้น และราคาน้ำมันดิบได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง อีกทั้งยังมีความยืดเยื้อของสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง
ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Currency Exchange Risk)
IRPC มีรายได้และต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่ผันผวน
ความเสี่ยงด้านจัดหาเงินทุนและสภาพคล่อง (Funding & Liquidity Risk)
บริษัทมีแผนที่จะลงทุนเพื่อขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันยังมีภาระหนี้สินที่ครบกำหนดชำระ และต้องพึ่งพาแหล่งเงินทุนภายนอก ซึ่งอาจส่งผลทำให้บริษัทมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระและขาดสภาพคล่องได้


ระดับความเสี่ยง
ระดับความเสี่ยง : 3
บทวิเคราะห์ (เป็นเพียงการวิเคราะห์ส่วนตัวเท่านั้น)
เราจะวิเคราะห์งบการเงินของบริษัทกันว่าเป็นอย่างไรบ้าง


จากข้อมูลงบแสดงฐานะการเงินของบริษัท 3 ปี ย้อนหลัง พบว่า
บริษัทมีสินทรัพย์รวมในปี 2567 ประมาณ 184,555 ล้านบาท โดยมีแนวโน้มลดลงลดจากปี 2566
ซึ่งการลดลงของสินทรัพย์สะท้อนถึงการปรับลดการลงทุนหรือการใช้สินทรัพย์เพื่อชำระหนี้
บริษัทหนี้สินรวมปี 2567 อยู่ที่ 114,447 ล้านบาท โดยมีแนวโน้มลดลงจากปี 2566 ซึ่งคาดว่าที่หนี้สินลดลงอาจจะเป็นเพราะมีการชำระหนี้คืนบางส่วนออกไป
และจากงบการเงินจะเห็นว่าส่วนผู้ถือหุ้นมีการลดลงอย่างต่อเนื่องจากปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 7% โดยแสดงให้เห็นถึงผลขาดทุนสะสมที่เพิ่มขึ้น และอาจส่งผลต่อการจ่ายเงินปันผลในอนาคต


งบกำไรขาดทุนของบริษัทในปี 2567 นั้น
มีรายได้ลดลง และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ขาดทุนอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งคาดว่ามาจากยอดขายที่ลดลงและราคาของผลิตภัณฑ์ที่มีการปรับตัวลดลงด้วย
อีกทั้งบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมากกว่ารายได้ ซึ่งส่งผลให้มี EBITDA ติดลบ
และทำให้ขาดทุนติดต่อกันคาดการณ์ว่าอาจจะมาจากการที่ครบกำหนดจ่ายดอกเบี้ยสถาบันการเงิน ดอกเบี้ยหุ้นกู้ที่ครบกำหนดต่างๆ จะเห็นสัดส่วนภาระหนี้ตามตารางด้านล่างนี้
จากงบกระแสเงินสด
จะเห็นได้ว่ากระแสเงินดจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก (3,712) ล้านบาทในปี 2565 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10,323 ล้านบาท
ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการฟื้นตัวในปี 2566 และ 2567 สะท้อนถึงสภาพคล่องที่ดีขึ้น
อีกทั้งกระแสเงินสดจากการลงทุนลดลดลงในปี 2567 แสดงให้เห็นว่าบริษัทลดการลงทุนลง เนื่องจากบริษัทอาจต้องการรักษาสภาพคล่อง
และกระแสเงินสดจากการจัดหาเงินได้มีการชำระหนี้ออกไปในปี 2567 ทำให้กระแสเงินสดลดลงซึ่งสอดคล้องกับการกระแสเงินจากการดำเนินงานนั่นเอง
การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน
สภาพคล่อง
Current Ratio เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าสภาพคล่องของบริษัทยังอยู่ในระดับที่พอรับได้
Interest Coverage Ratio เพิ่มขึ้นเป็น 1.82 เท่า แสดงว่าบริษัทมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยยัลดลงจากปีก่อน ซึ่งคาดว่าอาจเกิดจากบริษัทขาดสภาพคล่อง
โครงสร้างหนี้
D/E Ratio เพิ่มขึ้นเป็น 1.63 แสดงถึงการเพิ่มสัดส่วนหนี้ต่อทุน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดี
หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสูงขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.03 เท่า ยังอยู่ในระดับที่รับได้
Loan/IBD สูงขึ้น แสดงว่าบริษัทยังคงพึ่งพาการกู้ยืมจากธนาคารพอสมควร
ผลประกอบการ
ผลตอบแทน ROA และ ROE ติดลบ สะท้อนว่าบริษัทยังมีปัญหาด้านการทำกำไร
EBIT Margin ติดลบ ชี้ให้เห็นว่าบริษัทอาจมีต้นทุนที่สูงกว่ารายได้ เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่เป็นต้นทุนทางการเงิน


วิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ
ข้อดี-ข้อเสียของหุ้นกู้ IRPC
✅ ข้อดี
ผลตอบแทนคงที่ : อัตราดอกเบี้ย 3.95% ต่อปี สูงกว่าหุ้นบางประเภทและดอกเบี้ยเงินฝาก
อันดับเครดิต A- : แสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่ค่อนข้างดี
สภาพคล่องดีขึ้น : กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก
เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงต่่ำได้ : อายุหุ้นกู้ 5 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอจากดอกเบี้ย
❌ ข้อพิจารณา
บริษัทขาดทุนต่อเนื่อง เป็นสัญญาณที่ไม่ดีสำหรับผู้ลงทุน
รายได้ลดลงและค่าใช้จ่ายยังคงสูง ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร
ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงต่อเนื่อง อาจกระทบต่อความมั่นคงทางการเงิน
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีมีความเสี่ยงสูง จากความผันผวนของราคาน้ำมันและเศรษฐกิจโลก
ไม่มีหลักประกัน หุ้นกู้นี้เป็นตราสารหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งหากบริษัทมีปัญหาด้านการเงิน อาจได้รับผลกระทบต่อการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย
ตลาดรองอาจมีสภาพคล่องต่ำ อาจขายหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดได้ยาก หรืออาจได้ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ซื้อมา
หากรับความเสี่ยงได้ และต้องการลงทุนในหุ้นกู้ที่มีเครดิตเรตติ้ง "A-" หุ้นกู้ IRPC อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ควรพิจารณาผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำและสถานะทางธุรกิจที่ยังไม่แข็งแกร่งมากนัก
สรุป: ควรลงทุนในหุ้นกู้นี้หรือไม่?
✅ เหมาะกับนักลงทุนที่:
หุ้นกู้ให้ดอกเบี้ย 3.95% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าฝากธนาคาร
อันดับเครดิต A- แสดงถึงความสามารถชำระหนี้ที่ดี
เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงจากผลประกอบการที่ผันผวนของ IRPC ได้
⚠️ อาจไม่เหมาะสำหรับ:
ต้องการความปลอดภัยสูงหรือไม่ต้องการความเสี่ยงด้านตลาดพลังงาน
ผลประกอบการยังขาดทุน: ROE และกำไรสุทธิยังติดลบต่อเนื่อง
ความเสี่ยงจากราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนยังคงมีอยู่
ที่มา : https://market.sec.or.th
หุ้นกู้ IRPC อื่นๆ
Finance
Simplifying finance for everyday workers and investors.
Contact us
moneysummary.io@gmail.com
"Please contact us by writing the email subject as 'Contact Moneysummary.io Website."
© 2025. All rights reserved.