เริ่มมีรายได้ เริ่มวางแผนเกษียณ! เคล็ดลับการลงทุนเพื่ออนาคต

2/17/2025

เนื้อหาในบทความนี้ (คลิกเพื่ออ่านพาร์ทที่สนใจได้เลย!!)

เริ่มต้นวางแผนเกษียน คือการเริ่มรู้จักการลงทุน

(สรุปจากงาน The money Forum 2024 บรรยายโดย คุณเฌอปราง อารีย์กุล นักแสดงพิธีกรและ คุณศิรัถยา อิครภักดี Wealth me up Foueder)

คำถามนี้ First Jobber ส่วนใหญ่สงสัยและอยากรู้ แล้วจะลงทุนยังไงดีล่ะ ก่อนอื่นก่อนการลงทุนเราต้องย้อนกลับไปที่ Back to Basic ว่า

  • เราอยู่จุดไหนของการลงทุน >> เพิ่งเริ่ม ยังไม่มีความรู้, มีความรู้ประมาณนึง แต่ยังแยกไม่ออกว่าควรไปลงทุนอันไหนดี, ลงทุนมาแล้วบ้าง

  • สามารถรับความเสี่ยงได้เท่าไหร่ >> รู้มั้ยว่าถ้าเราจะต้องเสียเงินต้น เรายินดีเสียได้มากที่สุดกี่ % ถ้าเสียไม่ได้เลยจะทำยังไงดีนะ!!

1.เงินฝาก (Saving)

  • เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ

  • แต่ก็มีอัตราผลตอบแทนที่ต่ำด้วยเช่นกัน

  • ซึ่งถ้าเราลงทุนในเงินฝากอย่างเดียว การที่จะให้เงินทำงานเพื่อสู้กับเงินเฟ้อที่อาจจะเกิดขึ้นอนาคตนั้นไม่ง่าย

  • แต่เงินฝากก็เป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนทุกอย่าง หากไม่มีเงินฝาก แนะนำว่าอย่าเริ่มลงทุนในสิ่งที่มีความเสี่ยงสูงกว่านี้

2.ตราสารหนี้ (Bond)

  • ตราสารทางการเงินที่ผู้ถือ (นักลงทุน) มีสถานะเป็นเจ้าหนี้ และผู้ออกมีสถานะเป็นลูกหนี้

  • ถ้าฝั่งที่ให้รัฐบาลกู้จะมี "ตั๋วเงินคลัง"และ"พันธบัตรรัฐบาล" ถ้าเป็นเอกชนจะเรียกว่า "หุ้นกู้"

  • โดยเจ้าหนี้(ในกรณีนี้คือตัวเรานั่นแหละ) จะได้รับผลตอบแทนในรูปของ “ดอกเบี้ย” อย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนดไว้

  • และจะได้รับ “เงินต้น” คืนเมื่อครบกำหนดอายุ

  • ซึ่งจุดเด่นของตราสารหนี้คือความเสี่ยงต่ำและอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 2-5% ซึ่งสูงกว่าเงินฝาก

3.กองทุนรวม (Matual Fund,ETF)

  • คือการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากการรวบรวมเงินของนักลงทุนหลายคนเข้าด้วยกัน แล้วนำไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ อสังหาริมทรัพย์ หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ตามนโยบายการลงทุนของกองทุน

  • โดยมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เป็นผู้บริหารจัดการกองทุน

  • ซึ่งข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวมนั้น เป็นการกระจายความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ ตามนโยบายของแต่ละกองทุนและมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลตอบแทน3-5% และผู้ที่ไม่มีเวลา

4.ลงทุนในหุ้น

  • การซื้อส่วนหนึ่งของความเป็นเจ้าของในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยจะเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อย

  • เราสามารถมีสิทธิในการได้รับเงินปันผลและสามารถขายเพื่อได้ส่วนต่างของราคาขายได้ ในกรณีที่หุ้นมีราคาสูงขึ้นกว่าที่ซื้อ

  • แต่การซื้อหุ้นนั้นมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหรือขาดทุนจากการซื้อและความเสี่ยงของบริษัทนั้นๆ เราจึงควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนทุกครั้ง

5.การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก

  • การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงมาก เช่น อสังหาริมทรัพย์ คริปโตเคอร์เรนซี่ ทอง หรือแม้กระทั่ง งานศิลปะ อาร์ตทอย รถ นาฬิกา พระเครื่อง ก็นับเป็นสินทรัพย์ทางเลือกรูปแบบหนึ่ง

  • ควรที่จะต้องมีประสบการณ์ในการลงทุนมาระดับนึง และมีความรู้ก่อนการลงทุนในสินทรัพย์นั้นๆ

  • เนื่องจากสินทรัพย์ทางเลือกมีความผันผวนในตลาดสูงมาก หากศึกษาข้อมูลไม่ดีอาจทำให้ขาดทุนได้

ดังนั้น เราควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนทุกครั้ง

และกระจายความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทเพื่อป้องกันเงินลงทุนไม่ให้หายทั้งหมด

เราควรตั้งเป้าการลงทุนเพื่ออะไรและคำถามยอดฮิตว่าจะตั้งเป้าอย่างไร

เราตั้งเป้าไปทำไม แค่เก็บเงินไปเรื่อยๆไม่ได้หรือ??

คำตอบคือ จริงๆทำได้นะ แต่ว่ามันจะทำให้เราไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันจะพอกับสิ่งที่เราต้องการในอนาคตหรือไม่ และทำให้ยากในการคำนวณเงินลงทุนอีกด้วย

เริ่มตั้งเป้าหมายการลงทุนยังไง??

  1. ตั้งเป้าว่าเราจะเกษียณตอนอายุเท่าไหร่? >> 50ปี 60 หรือ ทำงานจนถึงอายุ 80

  2. ตั้งเป้าว่าเราต้องการเงินใช้ต่อเดือน? >> ตอนฉันอายุ 55 ฉันจะเกษียณ และใช้เงินเดือนละ 30,000 บาท

  3. คิดว่าฉันจะมีอายุถึงเท่าไหร่? >> ฉันคิดว่าฉันจะอยู่ถึงอายุ 90 ปี

และนำเป้าหมายตรงนั้น มาคำนวณเป็นเงินที่ต้องเก็บให้ถึง

แต่ว่าในชีวิตเราก็อาจจะมี Goal ในการเก็บเงินนอกจากเรื่องการเกษียน

Framework การตั้งเป้าหมาย 3 Step

  1. Set Goal - การตั้งเป้าหมายด้วยหลัก WFH

  2. Prioritize - การจัดลำดับการใช้เงิน

  3. Allocate - การแบ่งเงินให้ตรงความสำคัญ

1.Set Goal - การตั้งเป้าหมายด้วยหลักการ WFH

What for ? - เป้าหมายคืออะไร

W

F

For how long? - เมื่อไหร่จะใช้เงินก้อนนี้

H

How much? - ต้องมีเงินเท่าไหร่

Framework การตั้งเป้าหมายการลงทุน โดยใช้หลัก WFH (What, For How Long, How Much) เพื่อช่วยวางแผนการเงินและการลงท
Framework การตั้งเป้าหมายการลงทุน โดยใช้หลัก WFH (What, For How Long, How Much) เพื่อช่วยวางแผนการเงินและการลงท

2.Prioritize - การจัดลำดับการใช้เงิน

3.Allocate การแบ่งสัดส่วนของเงินให้ตรงกับความสำคัญมากที่สุด

ตารางแสดงการแบ่งสัดส่วนเงินลงทุนตามลำดับความสำคัญ โดยกำหนดเปอร์เซ็นต์ในแต่ละหมวด เช่น เงินสำรองฉุกเฉิน 50%, การวางแผนเกษียณ 3
ตารางแสดงการแบ่งสัดส่วนเงินลงทุนตามลำดับความสำคัญ โดยกำหนดเปอร์เซ็นต์ในแต่ละหมวด เช่น เงินสำรองฉุกเฉิน 50%, การวางแผนเกษียณ 3

ซึ่งสิ่งที่ต้องเข้าใจคือการแบ่งสัดส่วนเงินสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ เมื่อถึงเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง และปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์

ยกตัวอย่างเช่น คุณแบ่งสัดส่วนการเก็บเงินในส่วนที่ 1 จนครบแล้ว

คุณสามารถแบ่งเงินจากส่วนที่ 1 ไปโปะในส่วนที่สองให้มากขึ้นได้ เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ของการลงทุน

การเริ่มเก็บเงินเพื่อรอวัยเกษียน

การที่เราจะสามารถเก็บเงินได้ครบตามที่ตั้งเป้าเอาไว้นั้นมี 3 ตัวแปรสำคัญเลยคือ

  1. เงินต้น เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเริ่มเก็บเงิน เราสามารถเปลี่ยนเพิ่มได้ในอนาคตหากเรามีรายได้ที่มากขึ้น

  2. ผลตอบแทน หากเราต้องการเก็บเงินไปให้ถึงตามที่เราตั้งเป้าไว้ การลงทุนโดยมีผลตอบแทนที่สูงจะช่วยให้เราเก็บเงินได้ถึงเป้าตามที่วางเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว

  3. เวลา เป็นสิ่งที่ไม่สามรถเพิ่มได้ ซึ่งหากลงทุนช้าอาจทำให้เป้าที่เราเอาไว้ อาจไปไม่ถึง

อินโฟกราฟิกแสดงผลกระทบของการเริ่มลงทุนล่าช้า โดยเปรียบเทียบการลงทุนตั้งแต่อายุ 20 ปี (เดือนละ 4,500 บาท) กับอายุ 40 ปี (เดือน
อินโฟกราฟิกแสดงผลกระทบของการเริ่มลงทุนล่าช้า โดยเปรียบเทียบการลงทุนตั้งแต่อายุ 20 ปี (เดือนละ 4,500 บาท) กับอายุ 40 ปี (เดือน
อินโฟกราฟิกแสดงความเสียหายจากการลงทุนล่าช้า โดยเปรียบเทียบการลงทุนตั้งแต่อายุ 20 ปี (เดือนละ 4,500 บาท) กับอายุ 40 ปี (เดือนล
อินโฟกราฟิกแสดงความเสียหายจากการลงทุนล่าช้า โดยเปรียบเทียบการลงทุนตั้งแต่อายุ 20 ปี (เดือนละ 4,500 บาท) กับอายุ 40 ปี (เดือนล