ทำไมราคาทองคำทำสถิติใหม่ เมษายน 2568! มาดูกัน
4/30/2025
ทำไมราคาทองคำทำสถิติใหม่ เมษายน 2568! มาดูกัน


ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเมษายน พ.ศ. 2568 ราคาทองคำได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2568 ราคาทองคำโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 3,167.57 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ราคาทองคำในประเทศไทยได้แตะเกิน 50,000 บาทเรียบร้อยแล้ว โดยราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่บาทละ 51,250 บาท และทองรูปพรรณขายออกที่บาทละ 52,050 บาท ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์!
ราคาทองแพงทั้งโลก ตั้งแต่ต้นปี
สาเหตุที่ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น:
1 มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ : การประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าหลายประเทศ รวมถึงไทย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก นักลงทุนจึงหันมาถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
2 ค่าเงินบาทอ่อนค่า : การที่เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ราคาทองคำในประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากทองคำซื้อขายอ้างอิงราคาดอลลาร์
3 การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลาง : ธนาคารกลางหลายประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย ได้เพิ่มการถือครองทองคำ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาเงินดอลลาร์


ภาพแบบเข้าใจง่ายๆ
ทำไมทองถึงแพงเกิน 50,000 นะ??


ราคาทองคำทะลุ 50,000 บาทเป็นประวัติการณ์ เพราะทองคำถือเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe Haven Asset) เมื่อมีความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจโลก เช่น ปัญหาภาษีหรือความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ คนทั่วไปจึงมองหาการลงทุนที่ปลอดภัย ซึ่งทองคำมักจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เพราะมูลค่าไม่ลดลงง่ายเหมือนเงินหรือหุ้น
ก่อนอื่นต้องรู้เรื่องภาษีก่อน
การที่สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากหลายประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและราคาสินค้าในตลาดโลกสูงขึ้น นำไปสู่ความเสี่ยงในการค้าโลกและลดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ เมื่อความเชื่อมั่นลดลง นักลงทุนมักจะย้ายเงินจากสินทรัพย์เสี่ยง (เช่น หุ้น) ไปยังทองคำ ทำให้ความต้องการทองเพิ่มขึ้นและราคาพุ่งสูงตาม


เงินบาทอ่อน = ทองในไทยแพงขึ้น!
ทองคำซื้อขายกันในตลาดโลกด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อค่าเงินบาทอ่อนค่าลง เทียบกับดอลลาร์ หมายความว่าคนไทยต้องใช้เงินบาทมากขึ้นในการซื้อทองคำ แม้ว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะไม่เปลี่ยนแปลงก็ตาม นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมราคาทองคำในประเทศไทยจึงพุ่งสูงขึ้นกว่าปกติ


ธนาคารทั่วโลกแห่ซื้อทอง เก็บสะสมความมั่นคง!
หลังจากความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทั่วโลก หลายธนาคารกลาง เช่น จีน อินเดีย และรัสเซีย ได้เพิ่มการถือครองทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศ (International Reserves) แทนการถือเงินดอลลาร์หรือพันธบัตรสหรัฐ เพื่อกระจายความเสี่ยง (Diversification) การซื้อทองจำนวนมากของธนาคารเหล่านี้ยิ่งทำให้ทองคำขาดแคลนในตลาด ผลักดันให้ราคาสูงขึ้นอีก


สรุปเพราะทุกคนอยากได้ทอง ราคาทองเลยพุ่ง!
ในตลาดเสรี ราคา “ทอง” หรือ “สินทรัพย์” ใด ๆ ถูกกำหนดโดยกฎพื้นฐานของเศรษฐศาสตร์ คือ อุปสงค์ (Demand) และ อุปทาน (Supply) เมื่อมีคนต้องการทองมากขึ้น (อุปสงค์สูง) แต่ทองมีจำกัด (อุปทานต่ำ) ราคาทองจึงสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาพนี้สรุปทั้งแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจมหภาค และพฤติกรรมของตลาดทองคำอย่างกระชับ
คาดการณ์แนวโน้มราคาทองคำในอนาคต
นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงินต่าง ๆ มีการปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในอนาคต ดังนี้:
ANZ Bank: ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำเป็น 3,100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในช่วง 3 เดือนข้างหน้า และ 3,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในช่วง 6 เดือนข้างหน้า
Goldman Sachs: ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำสิ้นปีเป็น 3,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ความตึงเครียดทางการค้า และสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิดเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
Finance
Simplifying finance for everyday workers and investors.
Contact us
moneysummary.io@gmail.com
"Please contact us by writing the email subject as 'Contact Moneysummary.io Website."
© 2025. All rights reserved.