เปรียบเทียบหุ้นกู้ True ปี 2568 ทั้ง 5 ชุด พร้อมคำแนะนำการลงทุน

4/26/2025

สรุปข้อมูลเปรียบเทียบหุ้นกู้ TRUE ปี 2568 ทั้ง 5 ชุด

เปรียบเทียบหุ้นกู้ True ปี 2568 ทั้ง 5 ชุด พร้อมข้อมูลอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยง และคำแนะนำสำหรับนักลงทุน
เปรียบเทียบหุ้นกู้ True ปี 2568 ทั้ง 5 ชุด พร้อมข้อมูลอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยง และคำแนะนำสำหรับนักลงทุน

ข้อมูลพื้นฐานของหุ้นกู้ TRUE ทั้ง 5 ชุด ปี 2568

อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้

  • อันดับ : A+

  • แนวโน้ม : “คงที่”

  • จัดอันดับ : 20 มี.ค. 2568 โดย บจก.ทริสเรทติ้ง

รายละเอียดอื่น

  • วันออกหุ้นกู้ : 8 พ.ค. 2568

  • ประเภทการเสนอขาย : ประชาชนทั่วไป

  • ผู้จัดจำหน่าย :ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

ตารางเปรียบเทียบหุ้นกู้ TRUE ปี 2568 ทั้ง 5 ชุด
ตารางเปรียบเทียบหุ้นกู้ TRUE ปี 2568 ทั้ง 5 ชุด

คำนวณดอกเบี้ยหุ้นกู้ TRUE (กรุณากรอกหุ้นกู้และจำนวนปีตามหุ้นกู้ที่สนใจ)

ความเสี่ยง

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

  1. ความเสี่ยงเกี่ยวกับข้อพิพาท

    • กลุ่มบริษัทยังมีข้อพิพาทในหลายคดีที่ยังอยู่ระหว่างฟ้องร้องและยังไม่สิ้นสุดกระบวนการทางกฎหมายโดยมูลค่าความเสียหายคิดเป็น 161% ของส่วนผู้ถือหุ้น และบริษัทยังไม่ได้ตั้งสำรองค่าเสียหายทางบัญชีไว้ สำหรับรายการความเสียที่คิดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อฐานะทางการเงินของบริษัทได้

  2. ความเสี่ยงจากระดับหนี้สูง
    บริษัทมีหนี้สินรวมสูง (D/E ~ 7.6, IBD/E ~ 5.5) แสดงถึงภาระหนี้ที่ค่อนข้างมาก อาจมีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้หากมีสภาพคล่องลดลง

  3. ไม่มีหลักประกัน
    หุ้นกู้ชุดนี้เป็นหุ้นกู้ไม่มีหลักประกัน หากเกิดเหตุผิดนัดชำระหนี้ นักลงทุนจะไม่มีสิทธิเรียกร้องก่อนเจ้าหนี้ที่มีหลักประกัน

  4. ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและการลงทุนในคลื่นความถี่
    ทรูยังมีภาระผูกพันต้องชำระค่าคลื่นความถี่อีกหลายหมื่นล้านบาทต่อเนื่องถึงปี 2573 ซึ่งต้องใช้กระแสเงินสดในอนาคตจำนวนมาก

  5. ไม่มีสิทธิขายคืนก่อนครบกำหนด
    นักลงทุนต้องถือจนถึงวันครบกำหนดเท่านั้น ทำให้สภาพคล่องต่ำ

ระดับความเสี่ยง

  • ระดับความเสี่ยง : 3

ข้อดี-ข้อเสียของหุ้นกู้ IRPC

ข้อดี

  1. ชื่อเสียงของบริษัท: ทรูเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดไทย และอยู่ภายใต้กลุ่ม CP (มีทุนสนับสนุนแข็งแกร่ง)

  2. อันดับเครดิตระดับลงทุนได้: A+

  3. การดำเนินงานในอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโต

  4. หุ้นกู้ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากธนาคาร

ข้อเสีย

  1. ระดับหนี้สินสูงมาก: ทั้งหนี้ระยะยาว และหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต

  2. ข้อพิพาททางกฎหมายหลายคดี: มูลค่าความเสียหายอาจกระทบต่อฐานะการเงิน (ยังไม่ตั้งสำรองหนี้ไว้)

  3. ไม่มีเงื่อนไขทางการเงิน (Covenant): นักลงทุนไม่มีสิทธิ์คัดค้านหากบริษัทเพิ่มหนี้เพิ่มอีก

  4. ตลาดรองมีสภาพคล่องต่ำ: อาจขายไม่ได้หรือขายขาดทุนหากต้องการเงินคืนก่อนกำหนด

  5. หุ้นกู้ไม่มีหลักประกัน: หากบริษัทผิดนัดชำระหนี้ อาจไม่ได้รับชำระเงินตามลำดับก่อนเจ้าหนี้ที่มีหลักประกัน

  • สถานการณ์ปัจจุบัน ยังไม่แนะนำให้ลงทุนในกิจการนี้ เนื่องจากบริษัทอยู่ในช่วงปรับโครงสร้างและยังไม่มีหลักฐานชัดเจนของการพลิกฟื้นที่ยั่งยืน ทั้งความสามารถในการทำกำไรและฐานะการเงินยังมีความเสี่ยงสูง

  • นักลงทุนควรรอจับตาดูการดำเนินการของบริษัทในปีต่อๆ ไปว่าจะแก้ไขแนวโน้มขาลงได้หรือไม่ หากบริษัทสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงิน ลดสัดส่วนหนี้สิน และกลับมาเติบโตพร้อมกำไรที่มั่นคงได้ในอนาคต การลงทุนในเวลานั้นจะมีความปลอดภัยและน่าสนใจกว่าการรีบเข้าลงทุนในตอนนี้ที่ความไม่แน่นอนยังสูงอยู่

สรุป: ควรลงทุนในหุ้นกู้นี้หรือไม่?

✅ เหมาะกับนักลงทุนที่:

  • ต้องการกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยสม่ำเสมอ

  • นักลงทุนควร:

    • กระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นกู้หลายบริษัท ไม่ลงทุนกับทรูเพียงรายเดียว

    • เลือกชุดที่อายุสั้นกว่า หากต้องการลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในระยะยาว

    • ติดตามสถานะการเงินและคดีความของทรูอย่างต่อเนื่อง

⚠️ ชุดที่ 1 และ 2 อาจเหมาะสำหรับนักลงทุนทั่วไปมากกว่า

เพราะความเสี่ยงต่ำกว่าชุดที่มีอายุนานกว่า อีดทั้งยังลดความเสี่ยงจากการบริษัทไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนกำหนด

ที่มา : https://market.sec.or.th