Easy E-Receipt 2.0 | ลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท ปี 2568

อัปเดตมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 สำหรับการลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท พร้อมวิธีใช้ e-Tax Invoice

ความรู้การเงินเรื่องภาษี

1/23/20251 นาทีอ่าน

Easy E-Receipt 2.0 ลดหย่อนภาษีปี 2568 ซื้ออะไรถึงได้ลดหย่อนบ้าง

มาตรการ "Easy E-Receipt 2.0" สำหรับปี 2568 เปิดโอกาสให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการภายในประเทศที่มี e-Tax Invoice หรือ e-Receipt เท่านั้น ในระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2568 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 มาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาท โดยแบ่งเป็น:

  • 1. วงเงินไม่เกิน 30,000 บาท: สำหรับการซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือไม่ได้จดทะเบียน VAT


  • 2. วงเงินเพิ่มเติมไม่เกิน 20,000 บาท: สำหรับการซื้อสินค้าหรือบริการจาก:

    • สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน

    • วิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร

    • วิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม

สินค้าและบริการที่ไม่เข้าร่วมมาตรการ:

  • สุรา เบียร์ และไวน์

  • ยาสูบ

  • น้ำมัน ก๊าซ และค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับเติมยานพาหนะ

  • รถยนต์ รถจักรยานยนต์ (รวมถึงรถจักรยานที่ติดเครื่องยนต์) และเรือ

  • ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ และค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต

  • ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการที่สามารถใช้บริการนอกเหนือจากระยะเวลาของมาตรการ

  • ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย

Q&A มาตรการ E-Eeceipt 2568

  1. ถาม : e-Tax Invoice หรือ e-Receipt มีข้อความไม่ครบหรือไม่สมบูรณ์ เช่น เขียนชื่อหรือที่อยู่ผู้ซื้อสินค้าผิด สามารถ นำมาใช้หักลดหย่อนได้หรือไม่?

    ตอบ : ถ้าเขียนชื่อหรือที่อยู่ผิดสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ แต่เลขบัตรประจำตัวประชาชนต้องถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถนำมายื่นภาษีได้

  1. ค่าซ่อมรถสามารถนำมาหักเพื่อลดหย่อนภาษีได้หรือไม่?

    ตอบ : ได้ แต่ต้องอยู่ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด และต้องได้ e-tax invoice

  1. รถจักรยาน และ จักรยานติดเครื่องยนต์ เข้ารวมหรือไม่?

    ตอบ : ถ้าเป็นจักรยานปกติสามารถออกได้ตามเงื่อนไขปกติ คืออยู่ในช่วงระยะเวลาและต้องเป็นร้านที่ออกเอกสารได้ แต่ถ้าเป็นจักรยานติดเครื่องยนต์จะไม่เข้าร่วม

    เนื่องจากในทางกฏหมายถือว่ามีเครื่องยนต์ ไม่สามารถออกใบกำกับภาษีได้ (รวม รถ หรือรถมอเตอร์ไซ)

  1. ซื้อทอง ลดหย่อนภาษีได้หรือไม่?

    ตอบ : ได้ แต่ได้เฉพาะทองรูปพรรณ ในส่วนของค่ากำเหน็จเท่านั้น และต้องได้รับ e-tax แต่ว่าถ้าหากเป็นทองคำแท่งจะไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้

    เนื่องจากทองคำแท่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม

  1. ค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทำศัลยกรรมต่างๆ เช่น โบท็อกส์ ฟิลเลอร์ สามารถหักลดหย่อนได้หรือไม่

    ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากสถานพยาบาลหรือสถานประกอบพยาบาล (คลินิก) ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงไม่สามารถเข้าร่วมโครงการ E-Receipt ได้

  1. ค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทำศัลยกรรมต่างๆ เช่น โบท็อกส์ ฟิลเลอร์ สามารถหักลดหย่อนได้หรือไม่

    ตอบ : ไม่ได้ เนื่องจากสถานพยาบาลหรือสถานประกอบพยาบาล (คลินิก) ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จึงไม่สามารถเข้าร่วมโครงการ E-Receipt ได้

  1. e-Tax Invoice & e-Receipt คืออะไร และแตกต่างจากใบกำกับภาษีและใบรับในรูปแบบกระดาษ อย่างไร

    ตอบ : e-Tax Invoice และ e-Receipt คือ ใบกำกับภาษี (e-Tax Invoice) และใบรับ (e-Receipt)

    ที่ได้มี การจัดทำข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และได้ลงลายมือชื่อโดยใช้ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Certificate)

    ทั้งนี้ ผู้ออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ต้องได้รับอนุมัติจากกรมสรรพากร ให้ออกได้

  1. ถ้าซื้อสินค้าหรือการรับบริการจากผู้มิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถ หักลดหย่อนได้ทุกกรณีหรือไม่

    ตอบ : ได้เฉพาะกรณีซื้อสินค้าหรือรับบริการดังต่อไปนี้

    1) หนังสือ หนังสือพิมพ์และนิตยสาร

    2) อีบุ๊คส์ต่างๆ

    3) สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์(OTOP) ซึ่งลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว

    4) สินค้าหรือบริการของวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร

    5) สินค้าหรือบริการของวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม

  1. สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านค้าที่ได้รับอนุมัติให้ออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ได้ที่ใด

    ตอบ : สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านค้าที่ได้รับอนุมัติให้ออก e-Tax Invoice หรือe-Receipt ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร

    https://etax.rd.go.th/ETAXSEARCH/normal_person.html ได้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568

    สำหรับสินค้า OTOP สามารถตรวจสอบได้ที่นี่ http://data.osep.or.th/org1