บริหารความเสี่ยงจากค่าเงินอย่างไรดี เมื่อลงทุนในต่างประเทศ
8/21/2025
เทคนิคการจัดการความเสี่ยงจากค่าเงิน เมื่อลงทุนในต่างประเทศ


ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศคืออะไร
ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือที่เรียกกันว่า Foreign Exchange Risk คือความเสี่ยงที่มูลค่าของเงินลงทุนหรือเงินทุนของคุณจะเปลี่ยนแปลงไปในทางลบ เนื่องจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงินหนึ่ง หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เมื่อคุณต้องใช้จ่ายหรือรับเงินที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ คุณจะต้องแลกเงินสกุลท้องถิ่นของคุณ (เช่น เงินบาท) เป็นสกุลเงินต่างประเทศนั้นๆ แต่ราคาในการแลกเปลี่ยนเงิน (อัตราแลกเปลี่ยน) ไม่ได้คงที่ มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามปัจจัยทางเศรษฐกิจต่างๆ และความต้องการในตลาด โดยสามารถแบ่ง ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Risk) สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
1. ความเสี่ยงจากการทำธุรกรรม (Transaction Risk) เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเมื่อธุรกิจมีการซื้อขายสินค้าหรือบริการกับคู่ค้าในต่างประเทศ โดยมีการตกลงราคาไว้ล่วงหน้า แต่ยังไม่มีการชำระเงินทันที ทำให้ต้องเผชิญกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงเวลานั้น
ลักษณะ: เกิดขึ้นเมื่อมีรายได้หรือรายจ่ายในอนาคตที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ เช่น ธุรกิจนำเข้าสินค้าที่ตกลงจ่ายเงินใน 30 วัน หรือธุรกิจส่งออกที่รอรับเงินค่าสินค้าในอีก 60 วันข้างหน้า
ผลกระทบ: อาจทำให้กำไรลดลงหรือขาดทุนได้
2.ความเสี่ยงจากการบัญชี (Translation Risk) เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเมื่อบริษัทข้ามชาติหรือบริษัทที่มีสาขาในต่างประเทศ ต้องทำการแปลงงบการเงินของสาขาที่เป็นสกุลเงินท้องถิ่นกลับมาเป็นสกุลเงินหลักของบริษัทแม่เพื่อจัดทำงบการเงินรวม
ลักษณะ: ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรับ-จ่ายเงินสดโดยตรง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงมูลค่าของสินทรัพย์และหนี้สินที่ระบุไว้ในงบการเงิน เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการแปลงค่ามีการเปลี่ยนแปลงไป
ผลกระทบ: อาจทำให้ตัวเลขกำไรในงบการเงินดูดีขึ้นหรือแย่ลง ทั้งที่ในความเป็นจริงไม่ได้มีกระแสเงินสดเข้า-ออกเพิ่มขึ้นหรือลดลงเลย
3. ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ (Economic Risk) เป็นความเสี่ยงในระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัท
ลักษณะ: เป็นความเสี่ยงที่กระทบต่อรายได้และต้นทุนในอนาคตทั้งหมดของบริษัท ไม่ใช่แค่ธุรกรรมใดธุรกรรมหนึ่ง
ผลกระทบ: อาจส่งผลกระทบต่อราคาขายสินค้า, ต้นทุนการผลิต, และกำไรโดยรวมในระยะยาวของธุรกิจ
ทำไมต้องป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วยล่ะ?
1. เพื่อปกป้องกำไรหรือรายได้ สำหรับธุรกิจนำเข้า-ส่งออก กำไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับส่วนต่างของราคาซื้อและราคาขายเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนด้วย หากไม่ป้องกันความเสี่ยง และอัตราแลกเปลี่ยนเกิดผันผวนในทิศทางที่ไม่เป็นใจ กำไรที่ตั้งใจไว้ก็อาจจะหายไปจนถึงขั้นขาดทุนได้เลย
2. เพื่อควบคุมต้นทุน ในทางกลับกัน สำหรับผู้ที่ต้องจ่ายเงินเป็นสกุลเงินต่างประเทศ เช่น การนำเข้าวัตถุดิบหรือชำระหนี้ หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่เราต้องจ่าย ก็จะทำให้เราต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อจ่ายในจำนวนที่เท่าเดิม การป้องกันความเสี่ยงจึงช่วยให้เราสามารถล็อกต้นทุนไว้ได้ ทำให้สามารถวางแผนการเงินในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. เพื่อให้การวางแผนธุรกิจเป็นไปอย่างแม่นยำ ลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ และต้องทำงบประมาณสำหรับปีหน้า แต่คุณไม่รู้ว่าต้นทุนวัตถุดิบหรือรายได้จากการขายสินค้าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรจากความผันผวนของค่าเงิน การวางแผนธุรกิจในด้านอื่นๆ เช่น การขยายกิจการ, การลงทุนในเครื่องจักร, หรือการจ้างพนักงานใหม่ ก็จะทำได้ยากและมีความเสี่ยงสูงการป้องกันความเสี่ยงช่วยให้คุณมีตัวเลขที่ชัดเจนและแน่นอนขึ้น ทำให้สามารถตัดสินใจและวางแผนได้ด้วยความมั่นใจมากขึ้น
วิธีป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
1. การทำสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า (Forward Contract) นี่คือหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มธุรกิจนำเข้า-ส่งออก เนื่องจากคุณสามารถทำสัญญากับธนาคารเพื่อ "ล็อก" อัตราแลกเปลี่ยน ล่วงหน้าได้เลย เช่น คุณทำสัญญาว่าจะแลกเงิน 100,000 เยนที่อัตรา 1 เยน = 0.26 บาท ในอีก 1 เดือนข้างหน้า
ข้อดี: คุณจะรู้ต้นทุนที่แน่นอนล่วงหน้า ไม่ต้องกังวลว่าค่าเงินจะผันผวนไปทางไหน จะอ่อนค่าหรือแข็งค่าคุณก็จ่ายเท่าเดิม
ข้อเสีย: หากค่าเงินเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น (เช่น 1 เยน = 0.24 บาท) คุณก็จะไม่ได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีขึ้นนั้น แต่เมื่อเทียบกับความเสี่ยงแล้ว วิธีนี้ถือว่าคุ้มค่ามาก
การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าก็เหมือนกับการซื้อประกันให้การแลกเปลี่ยนเงินของคุณนั่นเองคุณยอมจ่ายในราคาที่กำหนดเพื่อแลกกับความสบายใจว่าเงินในกระเป๋าจะปลอดภัย
2. การใช้เครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ (Financial Instruments) สำหรับผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจด้านการเงินมากขึ้น การใช้เครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อนขึ้นก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เช่น
การซื้อขายออปชั่น (Options): ออปชั่นให้อิสระมากกว่า Forward Contract ครับ เพราะมันคือ "สิทธิ" ในการซื้อหรือขายเงินสกุลต่างประเทศในราคาที่กำหนดในอนาคต แต่ไม่ใช่ "ภาระผูกพัน"
ตัวอย่าง: คุณซื้อออปชั่นที่จะแลกเงินเยนที่ราคา 0.26 บาท หากถึงวันจริงอัตราแลกเปลี่ยนแย่ลง (0.30 บาท) คุณก็ใช้สิทธินั้น แต่หากอัตราแลกเปลี่ยนดีขึ้น (0.24 บาท) คุณก็ไม่ต้องใช้สิทธิและไปแลกที่ตลาดจริงแทน
ข้อดี: ได้รับประโยชน์ทั้งขาขึ้นและขาลง แต่ต้องแลกกับการจ่ายค่าธรรมเนียมในการซื้อออปชั่น
3.การกระจายความเสี่ยง (Diversification)
กระจายการลงทุนในหลายประเทศ: แทนที่จะลงทุนในประเทศใดประเทศหนึ่ง ลองกระจายไปในหลาย ๆ ประเทศที่มีสกุลเงินที่แตกต่างกัน เพื่อลดความเสี่ยงที่มูลค่าการลงทุนจะลดลงพร้อมกันหากเกิดวิกฤตค่าเงินในประเทศใดประเทศหนึ่ง
ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตั้งราคา: สำหรับนักธุรกิจ การกำหนดราคาสินค้าเป็นอีกวิธีหนึ่งในการป้องกันความเสี่ยง หากรู้ว่าค่าเงินมีแนวโน้มจะผันผวน การตั้งราคาเป็นสกุลเงินท้องถิ่นของลูกค้า หรือระบุเงื่อนไขการปรับราคาเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้
สรุป
การใช้เครื่องมือทางการเงินเข้ามาช่วยป้องกันความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนจะช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนให้กับนักลงทุนในต่างประเทศได้ ซึ่งเชื่อว่านักลงทุนจะเห็นถึงความสำคัญของการป้องกันความเสี่ยงกันมากขึ้น และสามารถนำเครื่องมือที่ใช้บริหารความเสี่ยงดังกล่าวไปใช้ประโยชน์และต่อยอดการลงทุนของตัวเองได้
Finance
Simplifying finance for everyday workers and investors.
Contact us
moneysummary.io@gmail.com
"Please contact us by writing the email subject as 'Contact Moneysummary.io Website."
© 2025. All rights reserved.