Pay Later ทางออกทางการเงิน หรือกับดักหนี้ในยุคปัจจุบัน?

เนื้อหาในบทความนี้ (คลิกเพื่ออ่านพาร์ทที่สนใจได้เลย!!)

1. Pay later คืออะไร ทำไมเป็นที่นิยมในยุคปัจจุบัน

2. แนวทางการใช้ Pay Later อย่างถูกวิธีและปลอดภัย

ทำความรู้จักกับ Pay Later กัน  ตัวช่วยสำหรับ ช้อป ออนไลน์ ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

Pay Later คือบริการที่อนุญาตให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าหรือบริการได้ทันที โดยยังไม่ต้องชำระเงินเต็มจำนวนในขณะนั้น แต่จะมีการแบ่งชำระออกเป็นงวดๆ ตามระยะเวลาที่กำหนด มักจะมาพร้อมกับเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป เช่น การปลอดดอกเบี้ยในช่วงแรก การคิดดอกเบี้ยภายหลังระยะเวลาที่กำหนด หรือการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บริการ ซึ่งรูปแบบการให้บริการจะคล้ายกับบัตรเครดิตและบัตรกดเงินสด แต่แตกต่างกันตรงที่บัตรเครดิตเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวงเงินสูง สิทธิประโยชน์หลากหลาย และมีวินัยทางการเงินที่ดีในการชำระคืนเต็มจำนวนเพื่อเลี่ยงดอกเบี้ย ในขณะที่ Pay Later เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว ในการซื้อสินค้าชิ้นเล็กถึงกลาง และอาจจะยังไม่สามารถเข้าถึงบัตรเครดิตได้

ตัวอย่างของ Pay Later ที่พบเห็นได้บ่อย:

• บริการผ่อนชำระผ่านแอปพลิเคชันอีคอมเมิร์ซ: หลายแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ เช่น Shopee Pay Later หรือ Lazada Pay Later เปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถผ่อนชำระค่าสินค้าได้โดยตรงผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งมักจะผูกกับบัญชีผู้ใช้ และมีวงเงินที่แตกต่างกันไป

• บริการ “ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง” ของสถาบันการเงิน: ธนาคารหรือบริษัทสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารบางแห่งได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ Pay Later ของตนเอง เช่น Krungsri Now หรือ TrueMoney Pay Next Extra ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถใช้จ่ายได้ก่อนและชำระคืนในภายหลัง โดยมีกำหนดชำระเป็นงวดๆ พร้อมดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมตามเงื่อนไข

• การผ่อนชำระสินค้าโดยตรงกับร้านค้า: บางร้านค้ามีการร่วมมือกับผู้ให้บริการ Pay Later หรือมีระบบผ่อนชำระเป็นของตัวเอง ทำให้ลูกค้าสามารถแบ่งชำระค่าสินค้าชิ้นใหญ่ได้โดยตรง ณ จุดขาย

Pay Later คืออะไร ทำไมเป็นที่นิยมในยุคปัจจุบัน

แนวทางการใช้ Pay Later อย่างถูกวิธีและปลอดภัย

แนวทางการใช้ Pay Later อย่างปลอดภัย

การใช้ Pay Later ในปัจจุบันมีข้อดีมากมายหากเราใช้อย่างถูกวิธีนะคะ  มันก็เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากๆ เลยนะ ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ดูสิคะ รับรองว่าใช้ Pay Later ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวหนี้

• ประเมินความสามารถในการชำระคืน: ก่อนตัดสินใจใช้ Pay Later ทุกครั้ง ควรประเมินรายรับและรายจ่ายของตนเองอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่ามียอดเงินเพียงพอสำหรับการชำระคืนตามกำหนด โดยไม่กระทบต่อค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน

• ศึกษาเงื่อนไขและข้อกำหนดอย่างละเอียด: ทำความเข้าใจอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย รวมถึงเช็คอัตราดอกเบี้ยหากผิดนัดชำระก่อนกดยืนยันการทำรายการทุกครั้ง

• ใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น: ควรใช้ Pay Later สำหรับสินค้าหรือบริการที่มีความจำเป็น หรือเป็นการลงทุนที่ก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาว หลีกเลี่ยงการใช้เพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่จำเป็น หรือการซื้อของฟุ่มเฟือย

• จดบันทึกรายรับรายจ่าย: จดบันทึกกำหนดการชำระเงินและจำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละงวด เพื่อไม่ให้เกิดการผิดนัดชำระ

• หลีกเลี่ยงการใช้ Pay Later หลายที่พร้อมกัน: การมีภาระหนี้จากหลายแหล่ง อาจทำให้การบริหารจัดการซับซ้อนและเพิ่มความเสี่ยงในการผิดนัดชำระ

• ชำระให้ตรงเวลาและเต็มจำนวน: การชำระคืนตรงตามกำหนดและเต็มจำนวน จะช่วยรักษาวินัยทางการเงินที่ดี และหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บค่าปรับและดอกเบี้ยที่ไม่จำเป็น

ข้อควรระวังในการใช้ Pay Later ในปัจจุบัน

แม้ว่าในปัจจุบัน Pay Later จะดูเหมือนเป็นทางเลือกที่ดี แต่หากใช้อย่างไม่ระวัง ก็อาจกลายเป็นปัญหาทางการเงินในระยะยาว  เนื่องจากติดกับดักในการใช้จ่ายดังนี้

• กระตุ้นการใช้จ่ายเกินตัว: เมื่อเราไม่ต้องจ่ายเงินก้อนใหญ่ในทันที ทำให้รู้สึกว่าของชิ้นนั้น “ถูก” ลงกว่าเดิมมาก เราอาจจะเผลอซื้อของที่ไม่จำเป็น หรือซื้อของในราคาที่แพงกว่าที่ควรจะเป็น เพราะคิดว่าผ่อนได้สบายๆ เช่น ตั้งใจซื้อโทรศัพท์ราคา 10,000 บาท แต่เห็นรุ่นใหม่ที่ผ่อนแค่เดือนละ 1,500 บาท เลยตัดสินใจซื้อรุ่น 20,000 บาทโดยไม่รู้ตัว

• ผ่อนหลายอย่าง พร้อมๆ กัน: ลองนึกภาพดูนะคะ ถ้าเราใช้ Pay Later ซื้อของชิ้นที่ 1 แล้วก็ชิ้นที่ 2 ชิ้นที่ 3 ไปเรื่อยๆ แต่ละชิ้นผ่อนคนละงวด คนละวัน พอรวมๆ กันแล้ว ยอดผ่อนต่อเดือนอาจจะเยอะจนเราคาดไม่ถึงเลยค่ะ อย่างเช่น ถ้าผ่อน 3 อย่างพร้อมกันเดือนละ 1,500 บาท รวมเป็น 4,500 บาท หากไม่มีรายได้ที่สอดคล้องกับภาระนี้ อาจทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงินได้

• ค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยแอบแฝง: Pay Later ส่วนใหญ่นั้น “ปลอดดอกเบี้ย” แต่ก็อาจมีค่าธรรมเนียมการใช้บริการ ค่าธรรมเนียมการชำระล่าช้า หรือหากเราผ่อนเกินระยะเวลาที่กำหนด อาจทำให้เกิดดอกเบี้ยสูงกว่าที่เราคำนวณก็ได้นะ

• ผลกระทบต่อประวัติเครดิต: การชำระหนี้ Pay Later ล่าช้าหรือไม่ครบถ้วน อาจส่งผลเสียต่อประวัติเครดิตบูโร ซึ่งจะกระทบต่อการขอสินเชื่ออื่นๆ ในอนาคต เช่น การขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือสินเชื่อรถยนต์  

สรุป

Pay Later กลายเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ดีและ ที่เข้าถึงง่ายมาก ในยุคดิจิทัลนี้ค่ะ ไม่ว่าจะวัยเรียน วัยทำงาน หรือแม้แต่คุณพ่อคุณแม่หลายคนก็เริ่มหันมาใช้บริการนี้กันมากขึ้น เนื่องจากสะดวกสบายต่อการใช้บริการ ถ้าใช้แบบมีวินัยและวางแผนอย่างถูกต้อง แต่ถ้าหากเราไม่ได้ใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวังอาจพาเราเข้าสู่วงจรหนี้ไม่รู้ตัว โดยเฉพาะกับผู้ที่ชื่นชอบการซื้อของเป็นเงินผ่อนและคิดว่ายังสามารถรับภาระหนี้ได้ ดังนั้นจึงคิดให้รอบคอบก่อนใช้งานเสมอนะคะ

คราวหน้าเรามีจะมีบทความเด็ดๆอะไรมาฝากกันอีก ต้องรอติดตามกันให้ได้นะคะ