NPL คืออะไร? เข้าใจหนี้เสียให้ทันก่อนชีวิตการเงินจะสะดุด
7/7/2025
หยุด! ก่อนสาย NPL คืออะไร ทำไมคนรุ่นใหม่ต้องระวัง?


เนื้อหาในบทความนี้ (คลิกเพื่ออ่านพาร์ทที่สนใจได้เลย!!)
หนี้เสีย หรือ NPL คืออะไร
ผลกระทบของ NPL: เมื่อหนี้เสียไม่ได้กระทบแค่คนกู้!
แนวทางป้องกันไม่ให้ "หนี้เสีย" เกิดขึ้นกับตัวเรา
ในยุคที่การใช้สินเชื่อและบัตรเครดิตกลายเป็นเรื่องปกติของชีวิตประจำวัน “NPL” หรือ “หนี้เสีย” จึงเป็นคำที่ควรรู้จักให้ดี เพราะหากเข้าใจช้าเกินไป อาจนำไปสู่ปัญหาทางการเงินที่ยากต่อการแก้ไข ดังนั้นบทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า NPL คืออะไร ส่งผลกระทบอย่างไร และมีวิธีป้องกันอย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้สถานะทางการเงินของคุณต้องตกอยู่ในภาวะวิกฤ
หนี้เสีย หรือ NPL คืออะไร
NPL ย่อมาจาก Non-Performing Loan หรือที่เราเรียกว่า "หนี้เสีย" โดยทั่วไปหมายถึงเงินกู้ที่ผู้กู้ไม่สามารถชำระคืนได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด หรือมีการค้างชำระเป็นระยะเวลานาน จนสถาบันการเงินพิจารณาว่าเป็นหนี้ที่มีปัญหา ซึ่งหากเราเป็นหนี้เสียนั้น จะส่งผลต่อเครดิตบูโรของเรา อีกทั้งในอนาคตมีความเสี่ยงที่จะได้รับอนุัมติสินเชื่อยากขึ้นหรือหากได้รับอนุมัติก็อาจจะให้มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าลูกหนี้ปกติ เนื่องธนาคารมองว่าลูกหนี้กลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ชำระหนี้นั่นเอง
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหนี้เสีย
การเกิดหนี้เสียนั้นมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ทั้งจากฝั่งของตัวผู้กู้เอง และจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยรวม การเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้เราป้องกันตัวเองได้ดีขึ้น
1. รายได้ไม่พอรายจ่าย (ปัญหาส่วนบุคคล)
นี่คือสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดและเกิดจากตัวผู้กู้โดยตรง
ขาดการวางแผนทางการเงินที่ดี: ไม่มีการทำงบประมาณรายรับรายจ่าย ไม่รู้ว่าเงินเข้าเท่าไหร่ ออกเท่าไหร่ ทำให้ใช้จ่ายเกินตัวอยู่เสมอ เหมือนกับการใช้ชีวิตไปวัน ๆ โดยไม่มีแผนที่
ก่อหนี้เกินตัว หรือกู้เกินความสามารถในการชำระคืน: การอยากได้ อยากมี ทำให้กู้เงินมาซื้อของที่ยังไม่จำเป็น หรือก่อหนี้พร้อมกันหลายก้อน จนภาระผ่อนต่อเดือนสูงเกินกว่ารายได้ที่จะรองรับได้ไหว
ตกงาน ถูกลดเงินเดือน หรือธุรกิจมีปัญหา: เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่ส่งผลกระทบต่อรายได้โดยตรง เช่น บริษัทเลิกจ้าง ธุรกิจที่ทำอยู่ไม่เป็นไปตามเป้า หรือได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ทำให้ไม่มีเงินมาผ่อนชำระหนี้
มีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด: เช่น การเจ็บป่วยร้ายแรง การเกิดอุบัติเหตุ ต้องซ่อมบ้าน ซ่อมรถกะทันหัน ซึ่งต้องใช้เงินก้อนใหญ่ และไม่มีเงินสำรองฉุกเฉิน ทำให้ต้องนำเงินที่ควรจะผ่อนหนี้ไปใช้ หรือจำเป็นต้องกู้เพิ่มจนเกินกำลัง
ขาดวินัยในการชำระหนี้: แม้จะมีรายได้เพียงพอ แต่ขาดวินัย ไม่จัดลำดับความสำคัญของหนี้สิน ชำระล่าช้าเป็นประจำ จนเกิดเบี้ยปรับและดอกเบี้ยที่เพิ่มพูน
2. ปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจ (ปัจจัยภายนอก)
บางครั้ง การเกิดหนี้เสียก็ไม่ได้มาจากตัวผู้กู้โดยตรง แต่เป็นผลมาจากปัจจัยภายนอกที่ควบคุมได้ยาก
เศรษฐกิจชะลอตัว หรือเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ: เมื่อเศรษฐกิจโดยรวมไม่ดี กำลังซื้อลดลง ธุรกิจต่าง ๆ ก็ได้รับผลกระทบ การลงทุนลดลง ส่งผลให้คนตกงานมากขึ้น รายได้ลดลง หรือธุรกิจล้มละลาย ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้จำนวนมาก
อัตราดอกเบี้ยที่ผันผวนและปรับสูงขึ้น: สำหรับสินเชื่อบางประเภท เช่น สินเชื่อบ้าน ที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว หากอัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้นมากอย่างรวดเร็ว ภาระการผ่อนต่อเดือนก็จะเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้กู้บางรายที่ไม่ได้เตรียมพร้อมอาจผ่อนไม่ไหว
ภัยธรรมชาติ หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันระดับประเทศ/โลก: เช่น การเกิดโรคระบาดใหญ่ (อย่างที่เราเคยเจอ COVID-19) ภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรง สงคราม ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต การทำมาหากิน และรายได้ของคนจำนวนมาก


ผลกระทบของ NPL: เมื่อหนี้เสียไม่ได้กระทบแค่คนกู้!
เมื่อพูดถึง NPL (Non-Performing Loan) หรือหนี้เสีย หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องของคนที่กู้เงินแล้วจ่ายไม่ได้เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วผลกระทบของ NPL นั้นกว้างขวางกว่าที่คิด และส่งผลต่อหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นตัวบุคคลเอง สถาบันการเงิน หรือแม้แต่เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเลยทีเดียว
1. ผลกระทบต่อตัวบุคคล (ผู้กู้) สำหรับผู้ที่ตกอยู่ในสถานะหนี้เสีย ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นมีหลายมิติและหลากหลาย
เสียประวัติเครดิตบูโร: สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือประวัติการชำระหนี้ของคุณจะถูกบันทึกในระบบ เครดิตบูโร (ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ) ทำให้ความน่าเชื่อถือทางการเงินของคุณลดลงอย่างมาก
ขอสินเชื่อใหม่ยากขึ้น: เมื่อมีประวัติเสีย การขอสินเชื่อประเภทต่าง ๆ ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ บัตรเครดิต หรือแม้แต่สินเชื่อเพื่อประกอบธุรกิจ จะทำได้ยากขึ้นมาก หรืออาจถูกปฏิเสธไปเลย เพราะสถาบันการเงินจะมองว่าคุณมีความเสี่ยงสูง
ภาระดอกเบี้ยและค่าปรับเพิ่มขึ้น: เมื่อหนี้กลายเป็นหนี้เสีย มักจะมีการคิดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระที่สูงขึ้น และอาจมีค่าปรับเพิ่มเติม ทำให้ยอดหนี้พอกพูนเร็วขึ้น และภาระในการชำระหนี้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ถูกฟ้องร้องหรือยึดทรัพย์: ในกรณีที่หนี้มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ สถาบันการเงินอาจดำเนินการตามกฎหมาย เช่น ฟ้องร้อง ยึดหลักประกันเพื่อนำไปขายทอดตลาดมาชำระหนี้ ซึ่งอาจทำให้คุณสูญเสียทรัพย์สินที่สำคัญ
สภาพคล่องทางการเงินลดลง: การมีหนี้เสียทำให้กระแสเงินสดของคุณตึงตัว เพราะต้องนำเงินไปชำระหนี้และดอกเบี้ยที่ค้าง ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและโอกาสในการวางแผนทางการเงินเพื่ออนาคต
ความเครียดและปัญหาชีวิต: ปัญหาหนี้สินเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความเครียด ความวิตกกังวล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต ความสัมพันธ์ในครอบครัว และคุณภาพชีวิตโดยรวมได้
2. ผลกระทบต่อสถาบันการเงิน
สถาบันการเงินเองก็ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการมี NPL ดังนี้
รายได้ลดลง: ธนาคารมีรายได้หลักจากดอกเบี้ยเงินกู้ เมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ ดอกเบี้ยที่ควรได้รับก็หายไป ทำให้รายได้ของสถาบันการเงินลดลง
ต้องตั้งสำรองหนี้เสีย: สถาบันการเงินมีกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบัติตาม คือการตั้งเงินสำรองสำหรับหนี้เสีย (Provisioning) เพื่อรองรับความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับเงินคืน การตั้งสำรองนี้เป็นการนำกำไรบางส่วนของธนาคารไปกันไว้ ทำให้ผลกำไรที่แท้จริงลดลง
สภาพคล่องลดลง: เมื่อเงินที่ปล่อยกู้ไปแล้วไม่สามารถเรียกคืนได้ตามกำหนด ทำให้เงินทุนของธนาคารจมอยู่กับหนี้เสีย ส่งผลต่อความสามารถในการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้กับลูกค้ารายอื่น ๆ
ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น: ธนาคารต้องใช้ทรัพยากรและบุคลากรในการติดตาม ทวงถาม และบริหารจัดการหนี้เสีย ซึ่งเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
ความเชื่อมั่นลดลง: หากสถาบันการเงินมีอัตรา NPL สูง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ฝากเงินและนักลงทุน ทำให้สถาบันการเงินระดมเงินฝากหรือหาแหล่งเงินทุนได้ยากขึ้น
3. ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม การมี NPL ในระดับสูงส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในวงกว้าง
เศรษฐกิจชะลอตัว: เมื่อสถาบันการเงินมี NPL มากขึ้น จะทำให้ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น (Credit Crunch) ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ที่ต้องพึ่งพาเงินกู้เพื่อลงทุนและขยายกิจการ จะเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยากขึ้น ส่งผลให้การลงทุนและการจ้างงานชะลอตัว ซึ่งกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม
ลดกำลังซื้อของประชาชน: เมื่อประชาชนมีภาระหนี้เสียและต้องแบกรับดอกเบี้ยสูง ทำให้มีเงินเหลือใช้จ่ายลดลง ส่งผลให้กำลังซื้อในประเทศลดลง และกระทบต่อภาคการบริโภค
ความมั่นคงของระบบการเงิน: หาก NPL เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่มีการบริหารจัดการที่ดี อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของระบบสถาบันการเงินโดยรวม และอาจนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจได้
ต้นทุนการเงินเพิ่มขึ้น: เมื่อความเสี่ยงในระบบสูงขึ้น สถาบันการเงินอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพื่อชดเชยความเสี่ยง ทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินสำหรับผู้ที่ต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นด้วย
แนวทางป้องกันไม่ให้ "หนี้เสีย" เกิดขึ้นกับตัวเรา
การป้องกันหนี้เสียมีหลายรูปแบบและการป้องกันนั้นดีกว่าแก้ปัญหาทีหลัง โดยเรามีวิธีเด็ดๆมาฝากกันค่ะ
1. ประเมินสถานะทางการเงินของตนเอง
จัดทำบันทึกรายรับรายจ่าย: การทราบแหล่งที่มาของรายได้และประเภทของรายจ่ายอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมทางการเงินของตนเอง และสามารถวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำรวจภาระหนี้สินทั้งหมด: รวบรวมข้อมูลหนี้สินทั้งหมดที่คุณมี ไม่ว่าจะเป็นยอดหนี้ อัตราดอกเบี้ย และกำหนดการชำระคืน การทราบข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญในการชำระหนี้ได้
2. วางแผนการเงินอย่างมีวินัย
กำหนดงบประมาณการใช้จ่าย: จัดสรรงบประมาณสำหรับรายจ่ายแต่ละประเภทในแต่ละเดือน และพยายามยึดมั่นตามแผนที่วางไว้
สร้างเงินสำรองฉุกเฉิน: เตรียมเงินสำรองไว้สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น การเจ็บป่วย การตกงาน หรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉินอื่นๆ เงินสำรองนี้จะเป็นหลักประกันที่สำคัญ ช่วยลดความจำเป็นในการก่อหนี้เพิ่มเมื่อเกิดวิกฤต
ชำระหนี้ให้ตรงเวลาและครบถ้วน: นี่คือหลักปฏิบัติที่สำคัญที่สุดในการรักษาวินัยทางการเงินและป้องกันการเกิดหนี้เสีย การชำระหนี้ตรงเวลาจะช่วยรักษาประวัติเครดิตที่ดีของคุณไว้ด้วย
พิจารณาชำระหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงก่อน: หากคุณมีหนี้หลายประเภท ควรให้ความสำคัญกับการชำระหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง เช่น หนี้บัตรเครดิต ก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อลดภาระดอกเบี้ยโดยรวม
3. เมื่อเริ่มมีปัญหา ให้รีบปรึกษา หากคุณเริ่มประสบปัญหาในการชำระหนี้ หรือมีสัญญาณเตือนดังที่กล่าวมาข้างต้น อย่าลังเลที่จะดำเนินการแก้ไขโดยเร็วที่สุด
ติดต่อสถาบันการเงินทันที: อย่ารอให้ปัญหาบานปลาย ควรปรึกษาสถาบันการเงินที่คุณเป็นหนี้อยู่แต่เนิ่นๆ เพื่อหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน สถาบันการเงินส่วนใหญ่จะมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ การพักชำระหนี้ หรือการลดอัตราดอกเบี้ย
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน: หากไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร คุณสามารถขอคำปรึกษาจากหน่วยงานที่ให้คำแนะนำด้านการบริหารหนี้สิน เช่น ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
สรุปส่งท้าย
การป้องกันการเกิด NPL หรือหนี้เสียนั้น ขึ้นอยู่กับการสร้างวินัยทางการเงินที่ดี การวางแผนอย่างรอบคอบ และการจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที เพียงแค่คุณใส่ใจและลงมือปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ก็จะสามารถรักษาเสถียรภาพทางการเงินของตนเองได้อย่างดีขึ้น
เป็นไงกันบ้างคะกับบทความความรู้เกี่ยวกับ NPL ถ้าหากชอบฝากโดเนทกันด้วยน้า คราวหน้าจะมีบทความการเงินเด็ดๆมาฝากต้องรอติดตามกันนะคะ
Finance
Simplifying finance for everyday workers and investors.
Contact us
moneysummary.io@gmail.com
"Please contact us by writing the email subject as 'Contact Moneysummary.io Website."
© 2025. All rights reserved.