ความเสี่ยงในการลงทุนคืออะไร? ทำไมต้องรู้ก่อนลงทุน

9/1/2025

รู้ทัน...ความเสี่ยงก่อนการลงทุน

ทุกคนต้องเคยได้ยินคำนี้กันมั้ยคะ "High Risk High Return" คำดูคุ้นๆใช่มั้ยคะ เป็นคำเตือนสำหรับการลงทุนทุกประเภทว่ามีความเสี่ยง แต่เสี่ยงมากเสี่ยงน้อยขึ้นอยู่กับประเภทการลงทุนของเรา อีกทั้ง ความเสี่ยงนี่แหละค่ะ เป็นตัวกำหนดว่าเราควรที่จะลงทุนแบบไหน ดังนั้นวันนี้จะมาอธิบายเรื่องความเสี่ยงว่ามีกี่ประเภท เพื่อให้เราเข้าใจความเสี่ยงในการลงทุนมากขึ้น พร้อมทั้งวิธีการบริหารความเสี่ยงค่ะ

ประเภทของความเสี่ยงในการลงทุน

1. ความเสี่ยงของตลาด (Market Risk) คือความเสี่ยงที่มูลค่าการลงทุนของเราจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาพรวมของตลาด ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่เข้ามาแทรงแซง ทำให้ราคาตลาดปันผวน เช่น ราคาหุ้นตก การเมือง หรือเศรษฐกิจชะลอตัว

2.ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk) คือความเสี่ยงที่มูลค่าของสินทรัพย์จะเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาด ส่งผลกระทบกับสินทรัพย์บางประเภท เช่น ตราสารหนี้

3. ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Risk) คือความเสี่ยงที่มูลค่าของเงินลงทุนของเราจะลดลงไปเมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ ถ้าเงินในบัญชีออมทรัพย์ของคุณให้ดอกเบี้ย 0.5% ต่อปี แต่อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% นั่นหมายความว่าเงินของคุณมีอำนาจการซื้อลดลงไป 2.5% ต่อปี ดังนั้นเราควรลงทุนกับสินทรัพย์ที่ผลตอบแทนมากกว่าเงินเฟ้อ เช่น พันธบัตร,ตราสารหนี้,หุ้น

4.ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) คือความเสี่ยงที่เราไม่สามารถขายสินทรัพย์ที่เราลงทุนได้ทันทีเมื่อเราต้องการใช้เงิน หรือต้องขายในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก ๆ ความเสี่ยงนี้มักจะเกิดขึ้นกับสินทรัพย์ที่ไม่ได้มีการซื้อขายบ่อย ๆ เช่น ที่ดิน หรือสินทรัพย์ทางเลือกบางชนิด

5. ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate Risk) มักจะเกิดขึ้นเมื่อเราไปลงทุนในต่างประเทศ สมมติว่าเราลงทุนในหุ้นของบริษัทต่างประเทศด้วยเงินบาท แล้วค่าเงินบาทแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลที่เราลงทุน ถึงแม้ราคาหุ้นจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงเลย แต่เมื่อเราแลกกลับมาเป็นเงินบาท มูลค่าของเงินลงทุนของเราก็จะลดลง

สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือ "ความเสี่ยงกับผลตอบแทน" (High Risk High Return) เป็นของคู่กัน ซึ่งเมื่อเราลงทุนสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เราย่อมต้องการผลตอบแทนที่สูง แต่ว่าในความจริงนั้น ไม่มีอะไรบอกได้ว่าความเสี่ยงสูงและผลตอบแทนจะสูงเสมอไป ดังนั้น เราต้องบริหารความเสี่ยงการลงทุนในพอร์ตเรา ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยมีวิธีการง่ายๆ ดังนี้

1. ทำความเข้าใจตัวเองก่อนลงทุน รู้ระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ เราควรถามตัวเองว่า

  • คุณรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน?

  • คุณมีเป้าหมายการลงทุนอะไร?

  • คุณมีระยะเวลาในการลงทุนนานแค่ไหน?

  • เราสามารถจัดการกับอารมณ์และพอร์ตการลงทุนของตัวเองได้ดีแค่ไหน เมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลง?

การเข้าใจตัวเองก่อนการลงทุนนั้น จะช่วยให้เราเข้าใจว่าควรลงทุนกับสินทรัพย์ประเภทไหน สามารถยอมรับผลขาดทุนได้เท่าไหร่ ดังนั้นการประเมินความเสี่ยงก่อนการลงทุนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการลงทุน

2. กระจายการลงทุน (Diversification)

การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภทจะช่วยลดความเสี่ยงเฉพาะตัวที่เกิดจากสินทรัพย์ประเภทนั้น เนื่องจากการลงทุนแต่ละประเภทมีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา

3. ลงทุนแบบสม่ำเสมอ (Dollar-Cost Averaging)

วิธีนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่และคนที่ไม่ค่อยมีเวลาติดตามตลาด หลักการง่าย ๆ คือการลงทุนด้วยจำนวนเงินเท่ากันทุกเดือน โดยไม่สนใจว่าราคาของสินทรัพย์จะขึ้นหรือลง เนื่องจากกการลงทุนแบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงการซื้อหุ้นที่แพงเกินไป อีกทั้งยังเป็นการสร้างวินัยการลงทุนอีกด้วย

วิธีการบริหารความเสี่ยงแบบง่ายๆ

สรุป

การลงทุนไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเรามีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง การรับมือกับความเสี่ยงอย่างมีสติจะช่วยให้คุณสามารถสนุกกับการลงทุนและสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้