เปิดโลก “ตลาดเกิดใหม่” โอกาสการลงทุนที่คนรุ่นใหม่ไม่ควรมองข้าม
7/7/2025
ตลาดเกิดใหม่กำลังมาแรง! รู้ก่อนตัดสินใจลงทุน


เนื้อหาในบทความนี้ (คลิกเพื่ออ่านพาร์ทที่สนใจได้เลย!!)
ตลาดเกิดใหม่คืออะไร และข้อดี-ข้อเสีย
สถานการณ์ตลาดเกิดใหม่ในปัจจุบัน
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในตลาดเกิดใหม่
สวัสดค่า วันนี้เรามีเทรนด์การลงทุนเกี่ยวกับ "ตลาดการลงทุนเกิดใหม่" หรือที่รู้จักกันในชื่อ Emerging Markets ซึ่งเป็นกระแสที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน เราจะมาดูกันว่าตลาดประเภทนี้คืออะไร มีข้อดีข้อเสียอย่างไร และสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนกันดีกว่าค่า
ตลาดเกิดใหม่คืออะไร?
ตลาดเกิดใหม่ หมายถึง กลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจกำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาและเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีแนวโน้มที่จะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศเหล่านี้มักจะอยู่ในช่วงของการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มขึ้นของชนชั้นกลาง และการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและบริการ ตัวอย่างของประเทศที่จัดอยู่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ได้แก่ จีน, อินเดีย, บราซิล, รัสเซีย รวมถึงประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และฟิลิปปินส์
ความน่าสนใจในการลงทุนตลาดเกิดใหม่
การลงทุนในตลาดเกิดใหม่มีข้อดีที่น่าสนใจหลายประการ ดังนี้:
ศักยภาพการเติบโตสูง: เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา จึงมีโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจและผลกำไรที่สูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาหุ้นหรือมูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้นได้มาก
อัตราการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น: การเติบโตของชนชั้นกลางและจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในตลาดเกิดใหม่ ทำให้ความต้องการสินค้าและบริการมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
การกระจายความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอ: การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในตลาดเกิดใหม่สามารถช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนโดยรวม เนื่องจากทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดเกิดใหม่อาจไม่สัมพันธ์กับตลาดที่พัฒนาแล้วทั้งหมด
ข้อควรพิจารณาและความเสี่ยง
แม้ว่าจะมีศักยภาพในการเติบโตสูง แต่การลงทุนในตลาดเกิดใหม่ก็มีความเสี่ยงนะคะ ดังนั้นเราควรทำความเข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน:
ความผันผวนสูง: ตลาดเกิดใหม่มักจะมีความผันผวนของราคาหลักทรัพย์สูงกว่าตลาดพัฒนาแล้ว เนื่องจากปัจจัยหลายประการ เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมือง เศรษฐกิจ หรือเหตุการณ์ภายนอกที่อาจส่งผลกระทบอย่างรวดเร็วและรุนแรง
ความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ: ประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่อาจเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมือง การเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่คาดคิด หรือปัญหาทางสังคม ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและเสถียรภาพของตลาด
ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน: การลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศมีความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนเมื่อแปลงกลับมาเป็นสกุลเงินท้องถิ่นของเรา
ข้อมูลและการกำกับดูแล: ในบางประเทศ ข้อมูลบริษัทหรือการกำกับดูแลอาจไม่โปร่งใสเท่าตลาดที่พัฒนาแล้ว ซึ่งอาจทำให้การวิเคราะห์และตัดสินใจลงทุนมีความท้าทายมากขึ้น
กรณีศึกษาการลงทุนที่ประสบความสำเร็จและไม่สำเร็จในตลาดเกิดใหม่
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาดูตัวอย่างทั้งความสำเร็จและความท้าทายในการลงทุนในตลาดเกิดใหม่กันดีกว่าค่ะ
กรณีศึกษา
ความสำเร็จ:
จีน (ในช่วงปี 2000s - 2010s): ในช่วงที่จีนเปิดประเทศและเร่งพัฒนาเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด บริษัทจีนหลายแห่งเติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นบริษัทระดับโลก เช่น Alibaba, Tencent นักลงทุนที่เข้าลงทุนในช่วงเริ่มต้นและถือครองระยะยาวได้รับผลตอบแทนมหาศาลจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่
เวียดนาม (ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา): เวียดนามเป็นอีกหนึ่งตลาดเกิดใหม่ที่น่าจับตา ด้วยอัตราการเติบโตของ GDP ที่สูง การลงทุนจากต่างประเทศที่หลั่งไหลเข้ามา และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง บริษัทเวียดนามหลายแห่งในภาคการผลิต การบริโภค และอสังหาริมทรัพย์ ได้รับประโยชน์จากการเติบโตนี้ ทำให้นักลงทุนที่เข้าลงทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี
ที่ไม่สำเร็จ/ความท้าทาย:
รัสเซีย (ปี 2022): หลังจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากนานาชาติ ตลาดหุ้นรัสเซียประสบปัญหาอย่างหนัก นักลงทุนต่างชาติจำนวนมากไม่สามารถซื้อขายหรือถอนเงินลงทุนได้ ส่งผลให้เกิดการขาดทุนอย่างมหาศาล นี่คือตัวอย่างของความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดเกิดใหม่
วิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย (ปี 1997): หลายประเทศในเอเชีย รวมถึงไทย เผชิญกับวิกฤตการณ์การเงินครั้งใหญ่ ค่าเงินอ่อนค่าอย่างรุนแรง ตลาดหุ้นตกต่ำ และบริษัทจำนวนมากล้มละลาย นักลงทุนที่ลงทุนในภูมิภาคนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก นี่แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและระบบการเงินที่ยังไม่แข็งแกร่งพอ
ในปัจจุบัน ตลาดเกิดใหม่ยังคงเป็นที่จับตาของนักลงทุนทั่วโลก แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว, อัตราเงินเฟ้อ, และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม ตลาดเกิดใหม่บางแห่งยังคงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่ง อย่างเช่น
จีน: ยังคงเป็นตลาดขนาดใหญ่และมีอิทธิพล แต่ก็เผชิญกับความท้าทายจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังมีความไม่แน่นอน การจับตานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนจึงเป็นสิ่งสำคัญ
อินเดีย: ได้รับการคาดการณ์ว่าจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่โดดเด่น ด้วยจำนวนประชากรที่มากและกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการลงทุนในภาคเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน
อาเซียน (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้): กลุ่มประเทศในอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง การลงทุนจากต่างประเทศ และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
สถานการณ์ปัจจุบันของตลาดเกิดใหม่
ข้อแนะนำสำหรับการลงทุนในตลาดเกิดใหม่
ศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้านและลึกซึ้ง:
ทำความเข้าใจเศรษฐกิจมหภาค: ศึกษาแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ เช่น อัตราการเติบโต GDP, อัตราเงินเฟ้อ, นโยบายการเงินและการคลัง
วิเคราะห์อุตสาหกรรมและบริษัท: เจาะลึกอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ และวิเคราะห์ผลประกอบการ แนวโน้มธุรกิจ และธรรมาภิบาลของบริษัทที่จะลงทุน
กระจายความเสี่ยง (Diversification):
กระจายการลงทุนในหลายประเทศ: ไม่ควรทุ่มเงินลงทุนทั้งหมดในประเทศใดประเทศหนึ่ง ควรแบ่งเงินลงทุนในตลาดเกิดใหม่หลายแห่งที่มีปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน
กระจายการลงทุนในหลายอุตสาหกรรม: เลือกบริษัทในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อลดผลกระทบหากอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งได้รับผลกระทบเชิงลบ
กระจายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น: นอกจากหุ้นแล้ว อาจพิจารณาลงทุนในพันธบัตรหรือสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม
ลงทุนผ่านกองทุนรวมหรือ ETF:
สำหรับนักลงทุนรายย่อย การลงทุนผ่าน กองทุนรวม (Mutual Fund) หรือ กองทุนรวมดัชนี (ETF) ที่เน้นลงทุนในตลาดเกิดใหม่เป็นทางเลือกที่ดีมาก เพราะมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยคัดเลือกหลักทรัพย์และบริหารจัดการพอร์ตให้ ทำให้เราไม่ต้องศึกษาข้อมูลเชิงลึกด้วยตนเอง และยังช่วยกระจายความเสี่ยงได้โดยอัตโนมัติ
ลงทุนระยะยาว:
ตลาดเกิดใหม่เหมาะกับการลงทุนระยะยาว (อย่างน้อย 3-5 ปีขึ้นไป) เนื่องจากความผันผวนในระยะสั้นอาจสูง แต่ในระยะยาว เศรษฐกิจที่เติบโตจะช่วยหนุนให้มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นได้ การลงทุนระยะยาวช่วยให้เราไม่ต้องกังวลกับความผันผวนรายวันมากเกินไป
ใช้กลยุทธ์ Dollar-Cost Averaging (DCA):
การทยอยลงทุนเป็นงวดๆ ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากันอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงที่ตลาดขึ้นหรือลง จะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา และทำให้ได้ต้นทุนเฉลี่ยที่ดีในระยะยาว
ติดตามข่าวสารและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด:
เนื่องจากตลาดเกิดใหม่มีความอ่อนไหวต่อข่าวสารและเหตุการณ์ต่างๆ การติดตามข่าวสารทั้งในระดับประเทศและระดับโลกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์การลงทุนได้ทันท่วงที
สรุป
ตลาดเกิดใหม่นั้นเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงกว่าเช่นกัน การตัดสินใจลงทุนควรพิจารณาจากข้อมูลที่ครบถ้วน ความเข้าใจในความเสี่ยงและเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ เพื่อให้การลงทุนของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ
Finance
Simplifying finance for everyday workers and investors.
Contact us
moneysummary.io@gmail.com
"Please contact us by writing the email subject as 'Contact Moneysummary.io Website."
© 2025. All rights reserved.