ป้องกันชีวิตสะดุด เรามาเก็บเงินฉุกเฉินกันเถอะ
8/12/2025
เงินฉุกเฉินต้องมีเท่าไหร่? ถึงจะปลอดภัยจริง


เมื่อการวางแผนการเงินไม่ใช่เรื่องคนรวย แต่เป็นเรื่องของทุกคนที่อยู่ในวัยทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก อีกทั้งยังมีเรื่องไม่แน่นอนเข้ามาในชีวิตอีกด้วยและการมีเงินฉุกเฉินเปรียบเสมือนเกราะป้องกันทางการเงินที่ช่วยให้เราก้าวผ่านสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างดีเลยล่ะค่ะ ดังนั้นวันนี้เราจะไปเจาะลึกกันว่าเงินฉุกเฉินคืออะไร และวิธีการเก็บเงินฉุกเฉินให้เพียงพอและเหมาะกับตัวเรากันค่ะ
เงินฉุกเฉินคืออะไร? ทำไมต้องมีด้วย?
เงินฉุกเฉิน คือเงินที่เราเก็บออมไว้ในยามฉุกเฉินหรือสถานการณ์ที่ไม่หลีกเลี่ยงได้ เช่น ตกงาน, เข้าโรงพยาบาลและมีเหตุอื่นๆที่ต้องใช้เงินก้อนด่วนมากๆ ซึ่งการมีเงินฉุกเฉินจะช่วยให้เราไม่ต้องกู้หนี้ยืมสินหรือนำเงินเก็บเพื่อเป้าหมายอื่นมาใช้ในสถานการณ์เหล่านี้ ทำให้ยังคงดำเนินต่อไปได้ อีกทั้งในปัจจุบันนั้นสถานการณ์ในเศรษฐกิจโลกไม่ค่อยจะดีนัก มีความผันผวนทั้งด้านการค้าและสงคราม อีกกำลังการซื้อของประชาชนยังต่ำเมื่อเทียบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งหลายๆคนนั้นเผชิญกับความเครียด ทำให้ต้องวางแผนทางการเงินส่วนบุคคลซึ่งเป็นสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้ โดยเงินฉุกเฉินควรเป็นเงินก้อนที่แยกออกมาจากเงินเก็บอื่นๆ เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการและเข้าถึงได้รวดเร็ว อาจจะอยู่ในรูปแบบของบัญชีเงินฝากหรือกองทุนรวมตลาดเงินที่สามารถถอนออกมาได้อย่างรวดเร็ว
แล้วต้องมีเงินฉุกเฉินเท่าไหร่ล่ะ จึงจะปลอดภัย?
เป็นคำถามยอดฮิตอีก 1 คำถาม ว่าควรเก็บเงินฉุกเฉินเท่าไหร่จึงจะปลอดภัย โดยส่วนใหญ่แล้วควรมีเงินสำรองอยู่ที่ 3-6เท่า ของรายจ่ายต่อเดือน
วิธีคิด เงินฉุกเฉิน = รายจ่ายต่อเดือน × 3–12 เดือน
ตัวอย่างเช่น
คุณมีรายจ่ายต่อเดือนดังนี้:
ค่าผ่อนบ้าน/ค่าเช่า: 10,000 บาท
ค่าผ่อนรถ: 5,000 บาท
ค่าอาหาร: 6,000 บาท
ค่าเดินทาง: 2,000 บาท
ค่าสาธารณูปโภค : 3,000 บาท
ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ : 4,000 บาท
รวมรายจ่ายต่อเดือน: 30,000 บาท
ถ้าคุณต้องการมีเงินฉุกเฉิน 3-6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน:
ขั้นต่ำ (3 เท่า): 30,000 บาท x 3 = 90,000 บาท
ขั้นปลอดภัย (6 เท่า): 30,000 บาท x 6 = 180,000 บาท
5 เคล็ดลับสร้างเงินฉุกเฉินให้ได้ผลจริง
1. เริ่มต้นด้วยการสำรวจรายรับและรายจ่าย ก่อนจะเริ่มเก็บเงินฉุกเฉิน คุณต้องรู้ก่อนว่าปัจจุบันคุณมีรายจ่ายต่อเดือนเท่าไหร่ จดบันทึกรายรับ-รายจ่ายอย่างละเอียดเป็นเวลา 1-3 เดือน จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและคำนวณเงินฉุกเฉินที่เหมาะสมกับคุณได้แม่นยำขึ้น
2. ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เมื่อคำนวณได้แล้วว่าต้องมีเงินฉุกเฉินเท่าไหร่ ให้ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น "ฉันจะเก็บเงินฉุกเฉิน 90,000 บาท" การมีเป้าหมายจะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจในการออมมากขึ้น
3. "จ่ายให้ตัวเองก่อน" คำนี้อาจฟังดูแปลกๆ แต่หมายถึงการจัดสรรเงินสำหรับเงินฉุกเฉินทันทีที่ได้รับเงินเดือน อย่ารอให้เหลือจากการใช้จ่ายในแต่ละเดือน เพราะส่วนใหญ่มักจะไม่มีเหลือ ให้ตั้งค่าโอนอัตโนมัติจากบัญชีเงินเดือนไปบัญชีเงินฉุกเฉินทุกเดือน
4. ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น มองหารายจ่ายที่ไม่จำเป็นในชีวิตของคุณ เช่น ค่ากาแฟแก้วละร้อยทุกวัน, ค่าบริการสตรีมมิ่งที่ไม่ได้ใช้, หรือการช้อปปิ้งออนไลน์ที่ไม่จำเป็น นำเงินส่วนนี้มาเก็บเป็นเงินฉุกเฉินแทน
5. สร้างรายได้เสริม ถ้าการลดรายจ่ายยังไม่พอที่จะทำให้ถึงเป้าหมายได้เร็วพอ ลองมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริม เช่น ขายของออนไลน์ รับงานฟรีแลนซ์ หรือใช้ทักษะที่มีในการสร้างรายได้พิเศษ เงินที่ได้มาทั้งหมดนำไปเก็บเป็นเงินฉุกเฉิน
สรุป : การมีเงินฉุกเฉินเปรียบเสมือนเกราะป้องกันทางการเงินของเรา ซึ่งควรมีไว้สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิดในอนาคต โดยให้การเริ่มต้นด้วยเงินสำรอง 3-6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน และค่อยๆ เพิ่มขึ้น กรณีมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นอีกในอนาคต อีกทั้งเป็นการสร้างวินัยทางการเงินให้กับตัวเราอีกด้วย
Finance
Simplifying finance for everyday workers and investors.
Contact us
moneysummary.io@gmail.com
"Please contact us by writing the email subject as 'Contact Moneysummary.io Website."
© 2025. All rights reserved.