ความสัมพันธ์ธุรกิจ หุ้น และการประเมินมูลค่า | Money Summary

เข้าใจการลงทุนในธุรกิจและหุ้น พร้อมตัวอย่างจากบริษัทดัง และแนวทางการประเมินมูลค่าสำหรับการลงทุนที่ชาญฉลาด

ความรู้การเงินการลงทุน

1/30/20251 นาทีอ่าน

ธุรกิจ-ตลาดหุ้น-การลงทุน เรื่องต้องรู้ แต่ไม่มีใครสอน

โดยทั่วไปการเงินเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา บางคนอาจจะรู้จักมาบ้าง บางคนอาจจะมีการลงทุนในสินทรัพย์บางอย่างที่สามารถทำให้เงินของเรางอกเงยมาได้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่มีสอนในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย

วันนี้่เราจะมาเรียนรู้พร้อมกันว่า ธุรกิจ-หุ้น-ตลาดหุ้น คืออะไรแล้วทั้ง 3 ตัวนี้มีความสัมพันธ์กันยังไง มาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันค่ะ

สรุปจากงาน The money Forum 2024 บรรยายโดย คุณ ธนัฐ เตชะเลิศ ผู้ก่อตั้งเพจ ลงทุนแมนและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด(มหาชน)

ธุรกิจ-หุ้น-ตลาดหุ้น คืออะไรและมีความสัมพันธ์กันอย่างไร

ธุรกิจ: หัวใจของการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ธุรกิจคือองค์กรที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้บริการหรือผลิตสินค้าเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นรายได้ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดเล็กหรือองค์กรข้ามชาติขนาดใหญ่

ธุรกิจทุกประเภทมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลก ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จสามารถสร้างงาน สร้างนวัตกรรม และเพิ่มมูลค่าให้กับเศรษฐกิจโดยรวม

หุ้น: ส่วนแบ่งในความสำเร็จ

หุ้นคือหน่วยการลงทุนที่แสดงถึงการเป็นเจ้าของบางส่วนในบริษัท เมื่อคุณซื้อหุ้นของบริษัทหนึ่ง คุณจะกลายเป็นเจ้าของร่วมของบริษัทนั้น หมายความว่าคุณมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งในผลกำไรของบริษัทและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของบริษัท (แม้ว่าจะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม)

หุ้นจึงเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในความสำเร็จของธุรกิจ

ตลาดหุ้น: เวทีการซื้อขายที่ไม่เคยหลับ

ตลาดหุ้นคือสถานที่ที่หุ้นถูกซื้อขาย เป็นศูนย์กลางที่นักลงทุนสามารถซื้อหรือขายหุ้นของบริษัทต่างๆ ได้

ตลาดหุ้นไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับการลงทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นบารอมิเตอร์ที่สำคัญในการวัดสุขภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูงอาจสะท้อนถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ขณะที่ตลาดหุ้นที่เติบโตอย่างมั่นคงอาจบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

ธุรกิจ หุ้น และตลาดหุ้นเชื่อมโยงกัน

> ธุรกิจที่เติบโตได้ดีมักจะส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทนั้นเพิ่มขึ้น ซึ่งจะดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในตลาดหุ้นมากขึ้น

> เมื่อมีนักลงทุนมากขึ้น ธุรกิจจะมีโอกาสในการระดมทุนเพิ่มเติมผ่านการเสนอขายหุ้นใหม่ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการขยายกิจการ เพิ่มนวัตกรรม หรือสำรวจตลาดใหม่ๆ

> ในทางกลับกัน หากธุรกิจประสบปัญหา เช่น การสูญเสียลูกค้าหรือปัญหาภายในองค์กร ราคาหุ้นอาจลดลง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นโดยรวม นักลงทุนอาจสูญเสียความเชื่อมั่นและอาจขายหุ้นออก ทำให้ตลาดหุ้นเกิดความผันผวน

starbucks-business-stock-stock-exchange
starbucks-business-stock-stock-exchange

ธุรกิจ = Starbuck เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ติด 1 ใน 500 ของอเมริกาและมีหุ้นอยู่ในตลาดอเมริกา

หุ้น = Starbuck มีหุ้นอยู่ใน S&P 500 ซึ่งก็คือ สถาบันจัดอันดับของอเมริกา

ตลาดหุ้น = S&P 500 เป็นสถาบันที่จัดอันดับหุ้นที่มีมูลค่าบริษัท 500 ตัวแรก นำมารวมกันจะทำให้เกิดเป็นมูลค่ามหาศาล

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไงว่าบริษัทนั้นมีมูลค่าเท่าไหร่

ตัวอย่างธุรกิจ Starbuck มีรายได้ต่อปี 100ล้านบาท ต้นทุน 80ล้านบาท กำไร 20 ล้านบาท P/E(มูลค่าบริษัทต่อกำไรสุทธิ) 30เท่า

หากต้องการซื้อกิจการต้องใช้ต้นทุนเท่าไหร่ในการซื้อ

วิธีคิดแบบง่ายๆ P/E 30 เท่า

กำไร 20 ล้านบาท

บริษัทจะมีมูลค่า = 20 x 30 = 600 ล้านบาท

ต่อมาเมื่อบริษัทต้องการขยายกิจการ แต่ไม่อยากไปกู้ธนาคาร จึงมีการขอระดมทุนจากนักลงทุน โดยการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์และนำเสนอขายหุ้นบางส่วนของบริษัทให้กับนักลงทุนทั่วไปมาร่วมเป็นเจ้าของกิจการ เรียกว่า “IPO”

IPO-Pros-and-Cons
IPO-Pros-and-Cons

ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลกิจการนั้นๆให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนการลงทุนทุกครั้ง

เพราะเนื่องจากตลาดหุ้นมีการซื้อขายกันตามราคาที่พอใจ ตามสภาวะเศรษฐกิจ

ดังนั้นเพื่อป้องกันให้เงินของเราขาดทุนจากการซื้อหุ้นให้น้อยที่สุด และการเล่นหุ้นนั้นไม่ใช่การพนันเพราะไม่ใช่ ZERO SUM GAME

แต่อาจได้กำไรน้อยเพราะขายก่อนถึงจุดที่ต้องการ และหากบริษัทมีกำไรจะต้องจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนในทางกลับกัน หากบริษัทขาดทุนจะไม่มีใครได้เงินปันผลเลย