ทุกวันนี้โลกกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การทำงานของคนยุคใหม่อีกด้วย โดยอาชีพที่ฮอตฮิตที่สุดตอนนี้คงไม่พ้นการทำอาชีพ ฟรีแลนด์ (Freelance) ซึ่งให้ความยืดหยุ่นและอิสระในการทำงานที่สูงมาก แต่มันมาพร้อมกับความท้าทายทางการเงินสุดหิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง "เครดิต" และการเข้าถึง "สินเชื่อ" ก้อนใหญ่ๆ อย่างการกู้ซื้อบ้าน เนื่องจากมีรายได้ที่ไม่สม่ำเสมอและการขาดเอกสารรับรองรายได้ ดังนั้นธนาคารมองว่าอาชีพกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูงกว่าพนักงานประจำทั่วไปนั่นเอง

ความท้าทายการขอสินเชื่อของชาวฟรีแลนซ์

1. รายได้ไม่สม่ำเสมอ — สถาบันการเงินส่วนใหญ่ต้องการเห็นรายได้ที่มีประจำและต่อเนื่อง แต่ฟรีแลนด์นั้นมีรายได้ที่ไม่สม่ำเสมออาจทำให้ขาดความน่าเชื่อจากสถาบันเงิน

2. ขาดหลักแสงรายได้ประจำ - ไม่มีสลิปเงินเดือนหรือสัญญาจ้างระยะยาวแบบพนักงานประจำ

3. ธนาคารหรือผู้ให้สินเชื่ออาจมองว่า “ความเสี่ยง สูง” เพราะไม่มีหลักฐานความมั่นคงแบบเดิม

4. เวลาจะขอสินเชื่อ บ้าน / กู้เงิน / เปิดบัญชีเครดิต อาจเจอเงื่อนไขเข้มข้นกว่า

สรุป

แม้ฟรีแลนซ์จะไม่มีรายได้ประจำ แต่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือได้ด้วยการจัดระบบรายได้ให้ชัดเจนเก็บหลักฐานการทำงานทุกชิ้น ใช้เครดิตอย่างมีวินัย และชำระตรงเวลาเสมอ จะช่วยให้สามารถสร้างรากฐาทางการเงินได้อย่างดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากกว่าเดิมอีกด้วย

Credit Score คืออะไร?

Credit Score หรือ คะแนนเครดิต คือการประเมินทางสถิติที่คำนวณจากข้อมูลในรายงานข้อมูลเครดิต (เครดิตบูโร) ของคุณ โดยพิจารณาจากพฤติกรรมการใช้สินเชื่อ เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถ หรือสินเชื่อส่วนบุคคล

ทำไม Credit Score จึงสำคัญ?

Credit Score คือ “ตัวตัดสินความไว้วางใจ” จากธนาคารและผู้ให้สินเชื่อลองนึกภาพง่ายๆ หากคุณเป็นฟรีแลนซ์ที่ไม่มีสลิปเงินเดือน แต่มีเครดิตสกอร์ดี = ธนาคารจะมั่นใจว่าคุณมีวินัยทางการเงินและสามารถจ่ายหนี้ได้แน่นอน

ถึงแม้ว่าอาชีพฟรีแลนซ์มักถูกมองว่ามีความเสี่ยงทางการเงินสูงมากเพราะมีรายได้ไม่แน่นอน และ ไม่มีสลิปเงินเดือน แต่จริง ๆ แล้วสามารถสร้างความน่าเชื่อถือทางการเงินได้ ผ่านการจัดระบบบัญชีและการจัดการพฤติกรรมทางการเงินได้ ดังนั้นวันนี้มีเทคนิคดีๆสำหรับสร้าง Credit Score ให้ปัง สไตล์ชาวฟรีแลนซ์ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

เทคนิคสร้าง Credit Score สำหรับฟรีแลนซ์

1. แยกบัญชีรายได้และค่าใช้จ่ายให้ชัดเจน

- แยกบัญชีธนาคาร ที่ใช้สำหรับรับเงินค่าจ้างจากลูกค้าทั้งหมด และรักษาการเดินบัญชี (Statement) ให้มีความสม่ำเสมอที่สุดย้อนหลังอย่างน้อย 12 เดือน

- ยื่นภาษีสม่ำเสมอ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90/91) อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอทุกปี เอกสารการยื่นภาษีคือหลักฐานรายได้ที่รัฐรับรอง และธนาคารให้ความน่าเชื่อถือสูงมาก

- เก็บ 50 ทวิ ให้ครบ: ขอ หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) จากผู้ว่าจ้างงานทุกครั้ง และเก็บรวบรวมไว้ให้ครบถ้วนเพื่อใช้เป็นเอกสารยืนยันรายได้ที่มาที่ไปชัดเจน

2. รักษาประวัติการชำระเงินที่ดีอย่างต่อเนื่อง

หากเรามีบัตรเครดิตควรใช้จ่ายอย่างมีวินัย โดยชำระให้เต็มจำนวนและตรงเวลาทุกเดือน เพื่อสร้างประวัติการชำระเงินที่ดีอย่างต่อเนื่อง และรักษาอัตราการใช้เครดิต (Credit Utilization) ให้อยู่ในระดับต่ำ ไม่ควรเกิน 30% ของวงเงินรวมที่มีทั้งหมด

3. ใช้ Alternative Data เสริมเครดิต

Alternative Data คือ “ข้อมูลนอกเหนือจากสลิปเงินเดือน” ที่แสดงพฤติกรรมทางการเงินดี ซึ่งการมีประวัติการชำระบิลต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น อย่างต่อเนื่องและตรงเวลา จะเป็นตัวช่วยเสริมว่าคุณมีวินัยในการจัดการหนี้สินเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการพิจารณาสินเชื่อดิจิทัล (Digital Lending) หรือสินเชื่อขนาดเล็กได้ง่ายขึ้น และอาจเป็นข้อมูลเสริมให้ธนาคารหลักพิจารณาสินเชื่อก้อนใหญ่ได้ในอนาคต

ทำความรู้จักกับ Credit Score