เอาชนะเงินเฟ้อด้วยการลงทุนกันเถอะ

7/21/2025

ลงทุนแบบไหนดีถึงจะชนะเงินเฟ้อ

ผู้ประกอบการกำลังวิเคราะห์แผนการเงินบนโต๊ะทำงาน
ผู้ประกอบการกำลังวิเคราะห์แผนการเงินบนโต๊ะทำงาน

ทุกวันนี้เคยสงสัยกันมั้ยคะ ทำไมเงินเราเท่าเดิม แต่มูลค่ามันลดลงกันนะ ซึ่งเกิดจาก "อำนาจในการซื้อ” ของเงินในกระเป๋าเราลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสินค้าและบริการมีราคาสูงขึ้น ในขณะที่มูลค่าของเงินที่เรามีอยู่นั้นลดลงนั่นเอง ซึ่งจากสถานการณ์ปัจจุบัน ทั่วโลกเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ทำให้ธนาคารกลางจึงจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด ด้วยการ "ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย" เพื่อลดปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ หากนักลงทุนไม่เข้าใจและปรับตัวตาม ก็อาจพลาดโอกาสสำคัญหรือเผชิญกับความเสี่ยงที่ไม่ได้คาดคิดได้

ทำความเข้าใจสภาวะตลาด: เมื่อธนาคารกลางทั่วโลกเบรกเศรษฐกิจ

ก่อนอื่นเลยนะคะเราต้องทำความเข้าใจเมื่อเกิดภาวะเงินเฟ้อ ธนาคารกลางจะใช้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือสำคัญในการชะลอความร้อนแรงทางเศรษฐกิจ เปรียบเสมือนการเหยียบเบรกเพื่อลดความเร็วรถยนต์ที่กำลังพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะมีผลกระทบโดยตรงกับภาคธุรกิจและการบริโภค ดังนี้

  • ผลกระทบต่อภาคธุรกิจ: การขึ้นดอกเบี้ยทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจสูงขึ้น ส่งผลให้การลงทุนและการขยายกิจการชะลอตัวลง

  • ผลกระทบต่อการบริโภค: ผู้บริโภคมีภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้การใช้จ่ายลดลง และมีแนวโน้มที่จะออมเงินมากขึ้นเพื่อรับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

แล้วปัจจุบันควรลงทุนแบบไหน ถึงจะชนะเงินเฟ้อได้

การลงทุนที่ "ชนะเงินเฟ้อ" คือการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจริง ทำให้มูลค่าที่แท้จริงของเงินทุนของคุณไม่ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นในระยะยาว

ในภาวะเงินเฟ้อสูง เงินสดในบัญชีธนาคารหรือการลงทุนที่มีผลตอบแทนต่ำอย่างการฝากประจำจะถูกเงินเฟ้อกัดกินไปเรื่อย ๆ ทำให้เงินออมของคุณมีอำนาจการซื้อลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการลงทุนจึงเป็นวิธีเดียวที่จะรักษามูลค่าของทรัพย์สินได้ เราจึงมีสินทรัพย์น่าสนใจในการลงทุนพร้อมทั้งกลยุทธ์ในการลงทุนมาฝากค่ะ

สินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในปัจจุบัน

1. หุ้น (Stocks) หุ้นถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ในระยะยาว เพราะเมื่อราคาสินค้าสูงขึ้น บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีอำนาจในการตั้งราคา (Pricing Power) ก็สามารถปรับขึ้นราคาสินค้าหรือบริการของตัวเองได้ ทำให้บริษัทเหล่านั้นสามารถรักษากำไรและรายได้ไว้ได้ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้นยังคงเติบโตต่อไป

  • หุ้นกลุ่มที่เหมาะกับภาวะเงินเฟ้อ:

    • กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น: เช่น อาหาร, เครื่องดื่ม, ยารักษาโรค เพราะเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร

    • กลุ่มสาธารณูปโภคและพลังงาน: เช่น ไฟฟ้า, น้ำประปา, น้ำมัน เป็นสินค้าที่จำเป็นและมักจะได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อโดยตรง

    • หุ้นปันผลสูง: หุ้นของบริษัทที่มีผลการดำเนินงานมั่นคงและสามารถจ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ เงินปันผลนี้จะเป็นเหมือนรายได้เสริมที่ช่วยชดเชยกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น

2. ทองคำ (Gold) ทองคำได้รับการยอมรับมายาวนานว่าเป็นสินทรัพย์ที่ใช้ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ (Inflation Hedge) เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นดังนี้:

  • มูลค่าในตัวเอง: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีจำนวนจำกัดและมีมูลค่าในตัวเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการพิมพ์เงินเหมือนเงินสกุลต่าง ๆ

  • เป็นที่พักพิงยามวิกฤต: เมื่อนักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในระบบการเงิน ราคาของทองคำมักจะปรับตัวสูงขึ้นเพราะมีแรงซื้อเข้ามามาก ในอดีตเมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ราคาทองคำมักจะปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้ทองคำเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน

3. อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถช่วยป้องกันเงินเฟ้อได้หลายทางเนื่องจาก

  • ราคาที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้น: เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น ต้นทุนในการก่อสร้างและราคาที่ดินก็มักจะสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้มูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ที่คุณถือครองอยู่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

  • ค่าเช่าที่สามารถปรับขึ้นได้: เจ้าของอสังหาริมทรัพย์สามารถปรับเพิ่มค่าเช่าได้เมื่อสัญญาเช่าเดิมหมดลง ซึ่งช่วยให้รายได้จากค่าเช่าเติบโตไปพร้อมกับภาวะเงินเฟ้อ

4. กองทุนรวม (Mutual Funds) สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่ถนัดเลือกหุ้นรายตัว การลงทุนผ่านกองทุนรวมถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยดูแลและบริหารพอร์ตให้ โดยสามารถเลือกได้ดังนี้

  • กองทุนรวมหุ้น: ช่วยให้คุณลงทุนในหุ้นหลากหลายตัวได้อย่างอัตโนมัติ โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลให้

  • กองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Funds): กองทุนประเภทนี้จะเน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคามักจะสูงขึ้นในภาวะเงินเฟ้อ เช่น น้ำมัน หรือสินค้าเกษตร

  • กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (REITs): เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างรายได้จากค่าเช่าและส่วนต่างของราคา ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ด้วยตนเอง

กลยุทธ์สำคัญเพื่อเอาชนะเงินเฟ้อ

นอกจากจะเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมแล้ว กลยุทธ์ในการลงทุนก็มีความสำคัญไม่แพ้กันนะคะ เราเลยมีวิธีการลงทุนมาแนะนำกันค่ะ ไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

  1. การกระจายความเสี่ยง (Diversification): ไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่ควรแบ่งเงินไปลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้น ทองคำ และกองทุนรวม เพื่อลดความเสี่ยง

  2. การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (Dollar-Cost Averaging - DCA): การทยอยลงทุนด้วยเงินจำนวนเท่า ๆ กันทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณได้ราคาต้นทุนเฉลี่ยที่ดี ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับจังหวะตลาด

  3. ลงทุนระยะยาว: การเอาชนะเงินเฟ้อต้องใช้เวลา การถือครองสินทรัพย์ที่เติบโตได้ดีในระยะยาวจะช่วยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยของคุณสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อได้อย่างมีนัยสำคัญ

บทสรุป

เป็นยังไงบ้างคะ สำหรับบทความดีๆที่เรานำมาฝาก ทุกคนจะเห็นได้ว่าการลงทุนในยุคเงินเฟ้อและนโยบายการเงินที่เข้มงวดไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเลยนะคะ หากเรามีความเข้าใจในสภาวะเศรษฐกิจและหลักการลงทุนที่ถูกต้อง ที่สำคัญที่สุดคือการจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้ และมีในวินัยการลงทุนระยะยาว สินทรัพย์ของคุณมูลค่าไม่มีทางลดลงอย่างแน่นอนค่ะ